เว็บการ์ตูนหรอยกู

กลับไป   เว็บการ์ตูนหรอยกู > RoiGOo City > หรอยกูคาเฟ่

ตอบ
อ่าน: 2717 - คำตอบ: 0  
LinkBack คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
เก่า 05-03-2012   #1
Senior Member
 
JigSaW's Avatar
 
วันที่สมัคร: Aug 2011
ข้อความ: 340
บล็อก: 18
ถ่ายทอดพลัง: 317
คะแนนหรอย: 255
Default วันมาฆบูชามาวัดสระเกศกันค่ะ มารู้ถึงความสำคัญของประวัติวันมาฆบูชา(กิจกรรมดีดี)

เห็นกรุงเทพเค้าโฆษณากันว่าจะจัดงานวันมาฆบูชากันใหญ่โตที่วัดวัดสระเกศค่ะ โดยมีกิจกรรมเยอะเยอะในนั้น ใครอยู่แถวนั้นก็เข้าไปร่วมงานกันได้เลยนะค่ะ แถมยังงานยังมีบอกถึงประวัติวันมาฆบูชาแบบเป็นนิทรรศการด้วย โดยงานวันมาฆบูชาก็จัดกันจนถึงวันที่ 7 นั้นแหละค่ะ อันที่จริงเค้าจัดกันมาหลายวันแล้ว ใครอยู่ในกรุงเทพก็ลองเดินทางไปดูค่ะ วันมาฆบูชาเค้าหยุดงานกันอย่าบอกว่าไม่ว่างนะค่ะ




บรรยากาศงานวันมาฆบูชาที่วัดสระเกศค่ะ




สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมแห่งสถาบัน ชาติ พระศาสนาและพระมหากษัตริย์จัดงานวันมาฆบูชา ๒๕๕๕ เพื่อเฉลิมฉลอง ?พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า?

หรือเรียกว่า ?พุทธชยันตี? อันเป็นวันที่พระพุทธศาสนาได้ถือกำเนิดขึ้น ระหว่างวันที่ ๕-๗ มีนาคม ๒๕๕๕ ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร โดยมีกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาและคุณธรรมจริยธรรมของเยาวชนและพุทธ ศาสนิกชนมากมาย



นาย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานเฉลิมฉลอง ?พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า? ถือเป็นวาระสำคัญของชาวพุทธทั่วโลก ในประเทศต่างๆ ที่มีชาวพุทธเข้มแข็งได้ประกาศให้มีการเฉลิมฉลองในวาระนี้เป็นเวลา ๓ ปี (๒๕๕๓-๒๕๕๕) ดังเช่นในประเทศศรีลังกา พม่า อินเดีย เป็นต้น ก็ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างตื่นตัวและยิ่งใหญ่ ที่สำนักงานใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ สหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการจัดงานฉลองใหญ่ในช่วงวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยรัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของวาระพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และเห็นชอบตามมติของมหาเถรสมาคมที่จะให้ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นปีแห่งการฉลองพุทธชยันตี โดยกำหนดให้จัดกิจกรรมเป็นพิเศษ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาทั้ง ๓ วัน คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬบูชา โดยจะเริ่มพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ในวันมาฆบูชานี้ รัฐบาลใคร่ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ด้วยการระลึก ถึงพระคุณแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และน้อมนำพระธรรมคำสั่งสอนมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ร่วมกันทำบุญและปฏิบัติบูชาตามแนววิถีพุทธ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสพระชนมายุครบ ๘๕ พรรษา และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติสืบไป




นาย นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า วันมาฆบูชา ที่จะเวียนมาถึงในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันเนื่องจากเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง ?โอวาทปาติโมกข์? แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรกหลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา ๙ เดือน ดังนั้น วันมาฆบูชาปีนี้นอกเหนือจากเป็นวันสำคัญทางศาสนาที่ยึดถือปฏิบัติกันมาทุก ปี ยังเป็นวันสำคัญที่พุทธศาสนิกชนจะได้ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ ๒,๖๐๐ปี ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ธรรม วันมาฆบูชาถือเป็นวันแห่งพระธรรม จึงเป็นวาระสำคัญพุทธศาสนิกชนได้ยึดหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามหลัก เนื้อหาที่ว่า ?ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจ ให้บริสุทธิ์? เป็นหลักในการประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ จึงนับเป็นปีแห่งการปฏิบัติบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ การจัดงานวันมาฆบูชา ๒๕๕๕ ในปีนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลอง ?พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า?



โดยวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาสำหรับเยาวชนและประชาชนทั่วไป วันที่ ๕-๗ มีนาคม ๒๕๕๕ เช่น การปล่อยขบวนรถบุพชาติประชาสัมพันธ์งานมาฆบูชา การประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยสรภัญญะ การประกวดร้องเพลงส่งเสริมศีลธรรม การประกวดตอบปัญหาธรรม การประกวดนิทานคุณธรรม การประกวดหนังสั้นส่งเสริมคุณธรรม การเจริญพระพุทธมนต์ปาฏิโมกข์ การเวียนเทียน สักการะพระบรมสารีริกธาตุ การเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศลฯ และการสาธยายธรรม ธรรมทัศนา เนื่องในพุทธวาระมาฆบูชา ๒๕๕๕ ในรูปแบบของสื่อผสมที่จะทำให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าใจถึงที่มาความหมายและความ สำคัญของพุทธชยันตีอย่างแท้จริง สำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นในงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวัน มาฆบูชา ณ พุทธมณฑล ในวันที่ ๓-๗ มีนาคม ๒๕๕๕ มีกิจกรรมที่เน้นการปฎิบัติบูชาต่างๆ เช่นการปฏิบัติธรรม กิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพิธีเวียนเทียน พิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล การประกวดจัดโต๊ะหมู่บูชาและโคมแขวน วันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๗.๓๐ น. ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูป เวลา ๑๖.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ประกอบพิธีเวียนเทียนที่ลานองค์พระประธานพุทธมณฑล เป็นต้น

พระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กล่าวว่า พุทธชยันตีเป็นวาระที่สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนาพุทธชยันตี โดยรากศัพท์ของคำว่าชยันตีมาจากคำว่า ?ชย? คือชัยชนะ อันหมายถึง ชัยชนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง อันทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นในโลก ?พุทธชยันตี? จึงมีความหมายว่าเป็นการตรัสรู้ และการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ในปัจจุบันพุทธชยันตียังถูกตีความในความหมายถึงชัยชนะของพุทธศาสนาและชาว พุทธด้วย ส่วนวันมาฆบูชา ซึ่งถือว่าเป็นวันพระใหญ่ที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาเช่นกันคือเป็นที่ ตรงกับ ๑๕ ค่ำเดือน ๓ ซึ่งในปีนี้คือวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕ มีพระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา ๖ พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายการประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง

วันมาฆบูชานี้ถือเป็นวันแห่งพระธรรม พุทธศาสนิกชนจึงควรปฏิบัติบูชาด้วยการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนและนำไปปรับใช้ ให้เกิดประโยชน์ ความสุขและสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัวและสังคมสืบไปและการเฉลิมฉลอง ?พุทธยันตี ๒,๖๐๐ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า? นั้นพุทธศาสนิกชนควรได้ศึกษาและเข้าใจถึงที่มาแห่งความหมายและความสำคัญของ พุทธชยันตีอย่างแท้จริง ปฏิบัติบูชาด้วยการทำจิตใจให้สูงขึ้นตระหนักรู้ละอายชั่วกลัวบาป และใฝ่กุศล ประเทศไทยได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา การปฏิบัติบูชาตามแนววิถีพุทธของคนไทย จึงถือเป็นแบบอย่างสำคัญที่ชาวพุทธพึงปฏิบัติ การสืบสานและปกป้องพระศาสนาถือเป็นการจรรโลงพระศาสนาให้คงอยู่สืบไป



ประวัติการถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เมื่อถึงเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่างๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ

ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่ นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง

ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย


[FONT=Cordia New][FONT=arial]โดยมี[/FONT][FONT=arial]กิจกรรมส่งเสริมศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ตามฐานต่างๆ ตลอดวัน คือ[/FONT][/FONT]

[FONT=arial] ฐานที่ ๑ ฐานสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยทำนองสรภัญญะ [/FONT]

[FONT=arial] ฐานที่ ๒ ฐานตอบปัญหาธรรมะ (บิงโกธรรมะ)[/FONT]

[FONT=arial] ฐานที่ ๓ ฐานแสดงตนเป็นพุทธมามกะ [/FONT]

[FONT=arial] ฐานที่ ๔ ฐานละครธรรมะ / บรรยายธรรม / วาดภาพ [/FONT]

[FONT=arial] ฐานที่ ๕ ฐานประกวดร้องเพลงส่งเสริมศีลธรรม [/FONT]

[FONT=arial] - การออกร้านจำหน่ายหนังสือธรรมะ / สื่อธรรมะ ราคาถูก [/FONT]

[FONT=arial] - การเจริญจิตตภาวนา นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ไหว้พระ[/FONT]

[FONT=arial] ภายในพระอุโบสถ, พระวิหารพระอัฏฐารสฯ,พระวิหารหลวงพ่อโต, พระวิหารหลวงพ่อดำและ สักการะพระบรมสารีริกธาตุ บนบรมบรรพต
[/FONT]











ประวัติวันมาฆาบูชาค่ะ(อันนี้แถม)


[FONT=Cordia New]วัน มาฆบูชา ได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิด ขึ้นเมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีก่อน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่าม กลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นพร้อมกัน ๔ ประการ คือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง ๑,๒๕๐ รูปนั้นได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, [FONT=Cordia New]พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง, [FONT=Cordia New]พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรง อภิญญา ๖, [FONT=Cordia New]และ วันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔[/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New] เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีมาฆบูชาในประเทศพุทธเถรวาท จนมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) พระองค์ได้ทรงปรารภถึงเหตุการณ์ครั้งพุทธกาลใน วันเพ็ญเดือน ๓ ดังกล่าวว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่ง ควรมีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชกุศลมาฆบูชาขึ้น โดยการประกอบพระราชพิธีคงคล้ายกับวันวิสาขบูชา คือมีการบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ มีการพระราชทานจุดเทียนตามประทีปเป็นพุทธบูชาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระอารามหลวงต่าง ๆ เป็นต้น โดยในช่วงแรกพิธีมาฆบูชาคงเป็นการพระราชพิธีภายใน ยังไม่แพร่หลายทั่วไป จนต่อมาความนิยมจัดพิธีมาฆบูชาจึงได้ขยายออกไปทั่วราชอาณาจักร[/FONT]
[FONT=Cordia New] ปัจจุบันวันมาฆบูชาได้รับการประกาศให้เป็นวันหยุดราชการในประเทศไทย โดยพุทธศาสนิกชนทั้งพระบรมวงศานุวงศ์พระสงฆ์ และประชาชน จะมีการประกอบพิธีต่าง ๆ เช่น การตักบาตร การฟังพระธรรมเทศนา การเวียนเทียน เป็นต้น เพื่อเป็นการบูชารำลึกถึงพระรัตนตรัยและเหตุการณ์สำคัญดังกล่าว ที่ถือได้ว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งกล่าวถึงหลักคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญความดีให้ถึงพร้อม และการทำจิตของตนให้ผ่องใส เพื่อเป็นหลักปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนทั้งมวล[/FONT]
[FONT=Cordia New]นอก จากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยวัยรุ่นสาวมักจะเสียตัวในวันวาเลนไทน์หลายหน่วย งานจึงพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก (อันบริสุทธิ์) แทน[/FONT]
[FONT=Cordia New]เหตุการณ์สำคัญที่เกิดในวันมาฆบูชาในพุทธประวัติ[/FONT]
[FONT=Cordia New]ความสำคัญ[/FONT]
[FONT=Cordia New]"วัน มาฆบูชา" เป็นวันที่ระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์แก่มหาสังฆ สันนิบาตในมณฑลวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งในวันนั้นมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ๔ ประการคือ[/FONT]
[FONT=Cordia New]๑.[FONT=Times New Roman] [FONT=Cordia New]พระ สงฆ์ ๑,๒๕๐ รูปที่พระพุทธองค์ได้ส่งไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาตามแว่นแคว้นต่างๆ ได้กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย[/FONT][/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New]๒.[FONT=Times New Roman] [FONT=Cordia New]พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นเอหิภิกขุที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น ซึ่งเรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา[/FONT][/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New]๓.[FONT=Times New Roman] [FONT=Cordia New]พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ คือผู้ได้อภิญญา ๖ ข้อ[/FONT][/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New]๔.[FONT=Times New Roman] [FONT=Cordia New]วันที่พระสงฆ์ทั้งหมดมาชุมนุมกันนี้ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓)[/FONT][/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New]ด้วย เหตุการณ์ประจวบกับ ๔ อย่าง จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จาตุรงคสันนิบาต (มาจากศัพท์บาลี จตุ+องฺค+สนฺนิปาต แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งสี่ประการ) โดยประชุมกัน ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ๙ เดือน (๔๕ ปี ก่อนพุทธศักราช)[/FONT]
[FONT=Cordia New]มูลเหตุ[/FONT]
[FONT=Cordia New]มี ผู้กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระสาวกทั้ง ๑,๒๕๐ องค์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย มาจากในวันเพ็ญเดือน ๓ ตามคติพราหมณ์ เป็นวันพิธีศิวาราตรี พระสาวกเหล่านั้นซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนจึงได้เปลี่ยนจากการรวมตัว กันทำพิธีชำระบาปตามพิธีพราหมณ์ มารวมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแทน[/FONT]
[FONT=Cordia New]หลัง จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และได้ทรงประกาศพระศาสนาและส่งพระอรหันตสาวกออกไปจาริกเพื่อเผยแพร่พระพุทธ ศาสนายังสถานที่ต่าง ๆ ล่วงแล้วได้ ๙ เดือน ในวันที่ใกล้พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓) พระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นต่างได้ระลึกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ อันเป็นศาสนาของตนอยู่เดิม ก่อนที่จะหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า และในลัทธิศาสนาเดิมนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนมาฆะ เหล่าผู้ศรัทธาพราหมณลัทธินิยมนับถือกันว่าวันนี้เป็นวันศิวาราตรี โดยจะทำการบูชาพระศิวะด้วยการลอยบาปหรือล้างบาปด้วยน้ำ แต่มาบัดนี้ตนได้เลิกลัทธิเดิมหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว จึงควรเดินทางไปเข้าเฝ้าบูชาฟังพระสัทธรรมจากพระพุทธเจ้า พระอรหันต์เหล่านั้นซึ่งเคยปฏิบัติศิวาราตรีอยู่เดิม จึงพร้อมใจกันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมาย[/FONT]
[FONT=Cordia New]จาตุรงคสันนิบาต[/FONT]
[FONT=Cordia New]โดย พระอรหันต์ทั้งหลายนั้นต่างไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ อันเป็นที่ประทับ โดยมีคณะทั้ง ๔ คือ คณะศิษย์ของชฎิล ๓ พี่น้อง คือ คณะพระอุรุเวลกัสสปะ (มีศิษย์ ๕๐๐ องค์) คณะพระนทีกัสสปะ (มีศิษย์ ๓๐๐ องค์) คณะพระคยากัสสปะ (มีศิษย์ ๒๐๐ องค์) และคณะของพระอัครสาวกคือคณะพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ (มีศิษย์ ๒๕๐ องค์) รวมนับจำนวนได้ ๑,๒๕๐ รูป (จำนวนนี้ไม่ได้นับรวมชฎิล ๓ พี่น้อง และพระอัครสาวกทั้งสอง [/FONT]

[FONT=Cordia New]การ เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันมาฆฤกษ์นี้ เป็นไปโดยมิได้มีการนัดหมาย และเป็นการเข้าประชุมของพระอรหันต์จำนวนมากเป็นมหาสังฆสันนิบาต และประกอบด้วย "องค์ประกอบอัศจรรย์ ๔ ประการ" คือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง ๑,๒๕๐ องค์นั้น ได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, [FONT=Cordia New]พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นพระสงฆ์ได้รับการอุปสมบทจาก พระพุทธเจ้าโดยตรง , [FONT=Cordia New]พระ สงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา ๖ และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ ๔ ดังกล่าวแล้ว[/FONT][/FONT][/FONT]
[FONT=Cordia New]ทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์[/FONT]
[FONT=Cordia New]พระ พุทธเจ้าเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นมหาสังฆสันนิบาตอันประกอบไปด้วยเหตุอัศจรรย์ ดังกล่าว จึงทรงเห็นเป็นโอกาสอันสมควรที่จะแสดง "โอวาทปาฏิโมกข์" อันเป็นหลักคำสอนสำคัญที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแก่ที่ประชุมพระสงฆ์เหล่า นั้น เพื่อวางจุดหมาย หลักการ และวิธีการ ในการเข้าถึงพระพุทธศาสนาแก่พระอรหันตสาวกและพุทธบริษัททั้งหลาย พระพุทธองค์จึงทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์เป็นพระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ท่ามกลางมหาสังฆสันนิบาตนั้น มีใจความดังนี้[/FONT]
[FONT=Cordia New]* พระพุทธพจน์คาถาแรกทรงกล่าวถึง พระนิพพาน ว่าเป็นจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์อันสูงสุดของบรรพชิตและพุทธบริษัท อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ดังพระบาลีว่า "นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา"[/FONT]
[FONT=Cordia New]* พระพุทธพจน์คาถาที่สองทรงกล่าวถึง "วิธีการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธ บริษัททั้ง ปวงโดยย่อ" คือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตของตนให้ผ่องใสเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนี้เองของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พุทธศาสนิกชนมักท่องจำกันไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งคาถาในสามคาถากึ่งของโอวาทปาฏิโมกข์เท่านั้น[/FONT]
[FONT=Cordia New]* ส่วนพระพุทธพจน์คาถาสุดท้าย ทรงกล่าวถึงหลักการปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา ๖ ประการ คือ การไม่กล่าวร้ายใคร, [FONT=Cordia New]การไม่ทำร้ายใคร , [FONT=Cordia New]การมีความสำรวมในปาฏิโมกข์ทั้งหลาย, [FONT=Cordia New]การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร และการรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด[/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]




รูปขนาดเล็ก
ประวัติวันมาฆบูชาวัดสระเกศ.jpg  
__________________
สงสัยเรื่องการใช้ยาแวะเข้ามาถามได้จ๊ะ ที่นี่ (อย่ายากมากนะค่ะ)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย JigSaW : 05-03-2012 เมื่อ 20:23
JigSaW is offline   ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

Tags
กันค่ะ, กันลค่ะ, กิจกรรม, กิจกรรมดีดี, ของ, ความสำคัญ, ดีดี, ถึง, ประวัติ, ประวัติมาฆบูชา, ประวัติวันมาฆบูชา, มา, มาฆบูชา, มารู้ถึง, มารู้, มาวัด, วัดสระเกศ, วัน, วันมาฆบูชา, วันมาฆบูชามาวัดสระเกศกันค่ะ, สระเกศ
คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is ใช้ได้
Trackbacks are ใช้ได้
Pingbacks are ใช้ได้
Refbacks are ใช้ได้



ออกจากระบบ | RoiGOo เว็บการ์ตูนหรอยกู | เอกสาร | ไปบนสุด

vBulletin รุ่น 3.8.7
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด