ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก้มตุ่ยเข้าไปทุกที ซึ่งสอดคล้องกับเวลาที่ไปยืนอยู่บนตาชั่ง น้ำหนักมันกลายเป็น Maximum ของที่เคยมี เท่านั้นเองแหละครับ ก็เลยหาวิธีที่จะลดน้ำหนักบ้างอะไรบ้าง (บางคนก็เรียกว่าลดความอ้วน คำนี้ดูจะแรงไป 555+) โดยหลังจากนั้นได้อ่านหนังสือบ้าง นิตยสารบ้าง พอจะสรุปวิธีการลดน้ำหนักแบบคร่าวๆ ถึง 3 วิธี และ การปฎิบัติเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือ ลดน้ำหนัก แบบไม่มีโยโย่เอฟเฟกต์ มาลองดูกันนะครับ ว่าวิธีการควบคุมน้ำหนักที่จะกล่าวถึงนี้ มันทำได้ง่ายแสนง่ายขนาดไหน
1.
หายใจเข้าออกช้าๆ ยาวและลึก เจอหัวข้อแรกก็การควบคุมน้ำหนักด้วยวิธีนี้ไปถึงกับงงเลยครับ แต่หนังสือหลายเล่มเขาอธิบายให้ฟังว่า วิธีการหายใจเข้าออกด้วยการหายใจให้ช้าลง หายใจให้เต็มปอดมากขึ้น นอกเหนือจะช่วยทำให้เราจิตใจนิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยในการเผาผลาญแคลลอรี่แบบง่ายๆ ที่สุดด้วย
2.
เปลี่ยนประเภทอาหารและลดปริมาณอาหาร นอกเหนือจากเราจะต้องลดปริมาณอาหารที่ทานในแต่ละวันแบบค่อยเป็นค่อยไปแล้ว เราต้องเปลี่ยนชนิดอาหารที่รับประทานด้วย โดยไม่ควรงดรับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ยกตัวอย่างเช่น ปกติเรามักจะทานข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ก็เปลี่ยนไปเป็นทานข้าวราดแกงผัดผัก หรือ ข้าวกับน้ำพริกปลาทู เหล่านี้คือการเปลี่ยนประเภทอาหารที่รับประทานที่ถูก ที่สำคัญแม้เราจะทานประเภทอาหารที่ดีแล้ว ก็ควรจะลดปริมาณลงแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วย เช่นจากเดิมปกติทานเข้า 3 ทัพพี ก็ค่อยๆ ลดเหลือ 2.5 ทัพพี หรือ 2 เช่นนั้น อย่าลืมที่จะเลิกคิดถึงอาหารที่อร่อยหรือรสชาดดี ควรมีแรงบันดาลใจในการควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต
3.
ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เคยมีนักวิชาการกล่าวไว้ว่า การออกกำลังกายคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในโลก เพราะเขาอ้างอิงว่า การออกกำลังกาย 300 ชั่วโมงต่อปี ช่วยให้มีอายุยาวนานขึ้นไปอีก 17,000 ชั่วโมง นอกเหนือจากนั้นการออกกำลังกายยังช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกายให้หมดไป และ ยังช่วยส่งเสริมให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย
ทั้งนี้แม้เราจะลดน้ำหนักลงมาได้แล้ว เราก็ควรปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตอย่างถาวรนะครับ ทำให้มันเป็นปกติของเรา เช่นจากดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ ก็ไม่ต้องดื่มไปเลยก็ได้ ถ้าเป็นปกติแล้วเราก็จะไม่โหยหามัน เป็นปกติว่าเรากินน้ำเปล่าก็อร่อยและสดชื่นที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้ไม่ควรทำแบบหักดิบ หรือ หักโหม เพราะผลข้างเคียงจะเยอะและจะย้อนกลับไปอ้วนกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นควรปรับวิธีกินวิธีคิดเหล่านั้นอย่างถาวร และ เมื่ออยู่ในจุดที่ร่างกายมีน้ำหนักที่เหมาะสมแล้ว ควรเคร่งครัดกับการดำเนินกิจกรรมทั้ง 3 อย่าง ข้างต้นไปอีกสัก 1 ปี เพราะช่วง 1 ปีให้หลังนี่แหละครับ เป็นการวัดผลโยโย่เอฟเฟกต์
บทความกากเพื่อคนที่อยากได้กำลังใจลดน้ำหนัก โดย นายเอ็ม