View Full Version : 3 โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ดีเด่นปี 2543 กันค่ะ


JigSaW
15-02-2012, 11:37
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์บ้านเรามีการจัดแข่งขันกันทุกปีค่ะ โดยปีเแรกของโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ก็ไม่รู้ตั้งแต่ปีที่เท่าไรเหมือนกันวันนี้เราลองมาดูโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ดีดีในสมัยก่อนกันนะค่ะสมัยนี้คนที่ได้รับรางวัลคนจะทำงานแต่งงานกันไปเยอะแล้วล่ะค่ะ แต่ยังไงก็สามารถนำมาเป็นตัวอย่างการทำการทำลองโครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ได้ค่ะ


http://board.roigoo.com/attachment.php?attachmentid=1628&stc=1&d=1329280624 (http://board.roigoo.com/tags/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C.html)


โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ ปี 2543 ชิ้นที่ 1
<center> <table bgcolor="floralwhite" border="1" cellpadding="0" cellspacing="1"> <tbody><tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> เลขทะเบียน</th><td colspan="2"> คง 2543 ต002</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> โรงเรียน</th><td colspan="2"> โรงเรียนจิรประวัติวิทยาคม อำเภอเมือง นครสวรรค์ 2543</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> เกียรติบัตร</th><td colspan="2"> ม.ต้น ชนะการประกวดรางวัลที่ 2 กำหนดหัวข้อ ภาคเหนือตอนล่าง </td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> ชื่อเรื่อง</th><td colspan="2"> A MAGIC SWITCH</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> จำนวนหน้า</th><td colspan="2"> 23 หน้า ภาพประกอบ</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> สาระสังเขป</th><td colspan="2"> โครง งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสวิทซ์ไฟฟ้าที่สามารถเปิดปิดไฟได้โดย อัตโนมัติ เมื่อไม่มีคนอยู่ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ เครื่องวัดระดับเสียง วงจรสวิทซ์แสง วิธีดำเนินการทดลองคือ ทำการวัดระดับความดังของเสียงในขณะที่มีคนอยู่ในห้องและไม่มีคนอยู่ บันทึกไว้ต่อมาเปรียบเทียบแรงไฟและแสงสว่างระหว่างเวลากลางวันและกลางคืน ทำการบันทึก แล้วนำความแตกต่างของเสียงและแสงสว่างที่วัดได้ไปตั้งค่ากับเครื่องมือ เชื่อมต่อกับปลั๊กไฟฟ้าที่ทำการจ่ายกระแสไฟให้กับหลอดไฟ จากผลการทดลองพบ ว่า เครื่องมือดังกล่าวสามารถทำงานได้ดี คือเมื่อห้องว่างไม่มีนักเรียนอยู่ในห้อง เครื่องมือจะทำการดับไฟ และไม่มีเสียงดังเกินค่าที่ตั้งไว้ เครื่องมือก็จะทำการปิดไฟได้อย่างถูกต้อง โดยอาจมีความผิดพลาดบ้างเมื่อมีเสียงออดระหว่างคาบเรียน</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> หัวเรื่อง</th><td colspan="2"> สวิทซ์</td></tr> <tr><th bgcolor="darkseagreen">
</th><td colspan="2"> ไฟฟ้า </td></tr> </tbody></table> <table border="1"> <tbody><tr bgcolor="gold"> </tr> </tbody></table> </center> http://elib.ipst.ac.th/elib/images/u/l-rim.gif


โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ ปี 2543 ชิ้นที่ 2
<center> <table bgcolor="floralwhite" border="1" cellpadding="0" cellspacing="1"> <tbody><tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> เลขทะเบียน</th><td colspan="2"> คง 2543 ป014</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> โรงเรียน</th><td colspan="2"> โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ อำเภอเมือง นครสวรรค์ 2543</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> เกียรติบัตร</th><td colspan="2"> ม.ปลาย วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม </td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> ชื่อเรื่อง</th><td colspan="2"> เครื่องมือวัดความขุ่นของน้ำระบบอิเล็กทรอนิกส์</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> จำนวนหน้า</th><td colspan="2"> 43 หน้า ภาพประกอบ</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> สาระสังเขป</th><td colspan="2"> โครง งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการทำงานของตัวต้านทานที่ปรับค่าได้ตาม ปริมาณแสงและศึกษาการสร้างเครื่องมือต้นแบบเพื่อใช้วัดความขุ่นของน้ำ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้า D.C หลอดไฟ สายไฟ กล่องทึบแสง หลอดแก้ว แอมมิเตอร์ และเครื่องมือวัดความขุ่นของน้ำมาตรฐาน วัสดุที่ใช้ได้แก่ ดินเหนียว ตัวต้านทานที่ปรับค่าได้ตามปริมาณแสง (LDR) แผ่นพลาสติก ฟิวเจอร์บอร์ด วิธีการโดย ทำการเตรียมน้ำที่มีความขุ่นแตกต่างกัน โดยใช้ดินเหนียวผสมกับน้ำ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยหลอดแรกใส่ดินเหนียวแห้งบดละเอียด 1 ช้อนชา หลอดที่ 2 2 ช้อนชา หลอดที่ 3 3 ช้อนชา และหลอดที่ 4 4 ช้อนชา จากนั้นนำไปทดสอบกับตัวต้านทาน โดยนำหลอดวางคั่นระหว่างตัวต้านทานกับหลอดไฟ จากนั้นทำการวัดสเกลที่เคลื่อนที่บนหน้าปัดของเครื่องวัดความขุ่นของน้ำ มาตรฐาน จากนั้นนำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดมาสร้างเป็นเครื่องมือใช้วัดความขุ่นของน้ำ โดยนำตัวต้านทานและหลอดไฟมาต่อแบบอนุกรม และสุดท้ายนำแผ่นพลาสติกมาใช้ทำตัวเครื่องแทนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดและพัฒนาให้ มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการเทียบความขุ่นที่วัดได้ ปรับสเกลให้ตรงกับเครื่องวัดมาตรฐานแล้วทำการศึกษาเปรียบเทียบผลที่ได้ โดยนำน้ำจากสระบัว น้ำประปา น้ำกลั่น และน้ำกรองมาทดสอบ สรุปผลการทดลองพบ ว่า ดินเหนียวแห้ง 1 ช้อนผสมกับน้ำ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตรจะทำให้เครื่องอ่านความขุ่นมีการเบนเข็มน้อยที่สุด ในขณะที่เมื่อใส่ดินเหนียว 4 ช้อน จะทำให้เครื่องมีการเบนเข็มมากที่สุด และจากการพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องมือโดยปรับค่าให้เท่ากับเครื่องมือ มาตรฐานพบว่า สามารถทดสอบความขุ่นของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเครื่องมือ มาตรฐาน</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> หัวเรื่อง</th><td colspan="2"> ความขุ่น </td></tr> <tr><th bgcolor="darkseagreen">
</th><td colspan="2"> ตัวต้านทาน </td></tr> </tbody></table> <table border="1"> <tbody><tr bgcolor="gold"> </tr> </tbody></table> </center> http://elib.ipst.ac.th/elib/images/u/l-rim.gif



โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททดลองและสิ่งประดิษฐ์ ปี 2543 ชิ้นที่ 3
<center> <table bgcolor="floralwhite" border="1" cellpadding="0" cellspacing="1"> <tbody><tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> เลขทะเบียน</th><td colspan="2"> คง 2543 ต027</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> โรงเรียน</th><td colspan="2"> โรงเรียนเขลางค์นคร อำเภอเมือง ลำปาง 2543</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> เกียรติบัตร</th><td colspan="2"> ม.ต้น ชนะการประกวดรางวัลที่ 2 ทั่วไป ภาคเหนือตอนบน </td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> ชื่อเรื่อง</th><td colspan="2"> กรวยป่ารักษาโรค</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> จำนวนหน้า</th><td colspan="2"> 47 หน้า ภาพประกอบ</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> สาระสังเขป</th><td colspan="2"> โครง งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาชนิดของสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคผดผื่นคันอัน เกิดจากแมลงสัตว์กัดต่อยและโรคผิวหนังบางชนิดได้ วัสดุที่ใช้ได้แก่ ใบกรวยป่า ใบตำลึง ใบข่อย ใบยูคาลิปตัส ใบสะเดา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันระกำ กานพลู และขี้ผึ้ง เป็นต้น โดยมีวิธีการทดลองโดย การนำใบกรวยป่า ตำลึง ใบข่อย ใบยูคาลิปตัส และใบสะเดา นำมาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำมาผสมกับน้ำมันมะพร้าว กานพลู เมนทอล การบูร น้ำมันระกำ และพาราฟิน โดยผสมขี้ผึ้งและวาสลีน ในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วนำมาทดสอบกับอาสาสมัครที่เป็นโรคผิวหนังบางชนิดและมีอาการผดผื่นคัน รวมไปถึงโรคกลากเกลื้อนด้วย สุดท้ายเป็นการทดสอบประสิทธิภาพจากกากใบกรวยป่า และตำลึง เพื่อนำมาใช้ทำเชื้อเพลิง โดยนำกากดังกล่าวมาผสมกับเถ้าแกลบและแป้งข้าวเจ้า เติมน้ำเล็กน้อย คนให้เข้ากัน อัดให้เป็นแท่งโดยทำการทดสอบเปรียบเทียบกับ ถ่านที่ทำจากซังข้าวโพด ผสมกับใบกรวยป่าและใบตำลึง จากนั้นทำการวัดค่าพลังงานที่ได้ ผลการทดลองพบว่า ใบกรวยป่าและใบตำลึงสามารถรักษาอาการคันจากยุงกัดได้ดี ดีที่สุดคือใบกรวยป่า รองลงมาคือ ใบตำลึง แต่ขี้ผึ้งที่ผลิตได้ไม่สามารถรักษาอาการโรคกลากเกลื้อนได้อย่างหายขาดแต่จะ มีอาการทุเลาลงแตกต่างกันตามบุคคล อัตราส่วนในการทำขี้ผึ้งคือ กรวยป่า 1 ส่วน ต่อ น้ำมันมะพร้าว 1 ส่วน ผสมกับ กานพลู 40 กรัม ที่ตำละเอียด และใส่เมนทอล การบูร น้ำมันระกำ วาสลีน และพาราฟิน อย่างละ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร และใส่ขี้ผึ้งจำนวน 400 กรัมลงไปด้วย นำมาผสมกัน โดยที่สามารถเก็บไว้ในภาชนะหรือขวดเพราะผลิตภัณฑ์ที่ได้จะมีลักษณะคล้ายขี้ ผึ้ง และพบว่าขี้ผึ้งที่ทำจากสมุนไพรจากใบกรวยป่า จะให้ผลในการรักษาอาการคันและบรรเทาโรคกลากเกลื้อนได้ดีกว่าขี้ผึ้งที่ทำจาก ใบตำลึง และยังพบว่า ถ่านที่ทำมาจากใบกรวยป่าจะให้พลังงานความร้อนมากกว่าถ่านที่ทำจากใบกรวยป่า ผสมใบตำลึง และถ่านที่ทำจากใบตำลึงจะให้พลังงานความร้อนต่ำที่สุด</td></tr> <tr><th align="right" bgcolor="darkseagreen" valign="top"> หัวเรื่อง</th><td colspan="2"> ยาหม่อง </td></tr> <tr><th bgcolor="darkseagreen">
</th><td colspan="2"> สมุนไพร</td></tr> </tbody></table> <table border="1"> <tbody><tr bgcolor="gold"> </tr> </tbody></table> </center> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="750"><tbody><tr><td align="left">http://elib.ipst.ac.th/elib/images/u/l-rim.gif</td><td align="right">http://elib.ipst.ac.th/elib/images/u/r-rim.gif</td></tr></tbody></table>