View Full Version : เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการขน... จึงต้องพึ่งเลเซอร์?อัศวินพิชิตขน


STdaifuku
28-02-2012, 22:14
เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการขน... จึงต้องพึ่งเลเซอร์?อัศวินพิชิตขน

ขน เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายคนเรามีมาตั้งแต่เกิด จำนวนมากหรือน้อย สีของขนเข้มหรือจางก็แล้วแต่บุคคล แต่สำหรับคุณสาวๆ สมัยนี้ซึ่งต้องการอวดผิวใสเนียนเรียบปราศจากขน ทั้งขนที่บริเวณใบหน้า ไรผม หนวด ซึ่งเป็นอุปสรรคในการแต่งหน้า หรือขนตามผิวกาย ทั้งใต้วงแขน แขน เรียวขา ตลอดจนบริเวณบิกินี่ การกำจัดขนจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวเป็นสิ่งเล็กๆที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ของหลายๆคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายเองที่มีปัญหาเรื่องหนวดเครา ซึ่งปกติแล้วหนวดเคราของผู้ชายจะงอกเฉลี่ยวันละ 0.2 - 0.5 มม. ทำให้ระยะเวลาและความถี่ในการโกนหนวดของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนอาจต้องโกนทุกวัน ในขณะที่บางคนอาจโกนสัปดาห์ละหลายครั้งทำให้เรื่องขนกลายมาเป็นปัญหาที่ต้องเสียเวลาเอาใจใส่และน่ารำคาญไม่น้อย


http://upic.me/i/kg/spbu4.jpghttp://upic.me/i/kb/49sb5.jpg


การกำจัดขนแบบเดิมๆที่ทำกันมานมนาน ก็คือการถอน และการโกน เพราะทำง่ายสะดวกไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรมาก ค่าใช้จ่ายน้อย แต่สิ่งที่ตามมาคือ การอักเสบของผิว เกิดเป็นตุ่ม เกิดขนคุด เกิดการอุดตันในรูขุมขน รูขุมขนใหญ่ ขนที่ขึ้นมาใหม่แข้งกระด้าง เกิดรอยดำ ผิวขรุขระไม่เรียบ ต้องโกนบ่อย และถอนเป็นประจำ ต่อมามีการพัฒนารูปแบบการกำจัดขนขึ้นมาด้วยการใช้ขี้ผึ้งหรือแวกซ์ หรือบางคนก็ใช้สารเคมีพวกครีมกำจัดจน แต่ทั้งสองวิธีก็อาจทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคืองและอักเสบได้ ซึ่งสารพัดวิธีที่ว่านี้ล้วนเป็นการหยุดยั้งขนได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะไม่นานขนก็จะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง


http://upic.me/i/1k/iddr..jpg


นพ.ธรรมสถิต จันทจิตร์ แห่งยศยาคลินิก กล่าวว่า ปัจจุบันมีการนำเลเซอร์มาใช้เพื่อกำจัดขนซึ่งวิธีนี้ถือว่าได้ผลดี วิธีการคือการเลือกคลื่นแสงที่เหมาะสมหรือ Selective Photothermolysis โดยเลือกช่วงความยาวและความกว้างของคลื่นที่เหมาะสมที่ให้พลังงานเพียงพอไปยังขน พลังงานจากเลเซอร์จะถูดดูดซึมโดยเม็ดสีเมลานินในต่อมขน ก่อนที่ความร้อนจะกระจายออกไปเพื่อทำลายขนโดยไม่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง พลังงานเลเซอร์ถูกออกแบบมาให้ทำงานเฉพาะเจาะจงกับเซลส์เม็ดสีในรากขน เมื่อเซลส์รากขนถูกทำลาย ขนก็จะหลุดร่วงไปและไม่ขึ้นใหม่

สำหรับคลื่นแสงในแต่ละความยาวคลื่นก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่น 590-1,200 nm หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ IPL เป็นการใช้แสงความเข้มสูง เครื่องมือนี้เป็นการใช้ไฟแฟลชที่มีตัวกรองแสงเพื่อสร้างแสงมีความยาวคลื่นกับจังหวะการตกกระทบ โดยแสงจะเข้าไปทำลายขน และเพราะ IPL เป็นแสงความเข้มข้นสูงแต่ความยาวของคลื่นสั้นจึงทำให้พลังงานไม่สูงพอจะทำลายรากขนได้ทั้งหมด อาจจะได้ผลบ้างในไรขนอ่อนๆ บางๆ แต่ถ้าขนดกหนา ผลคือขนบางลงและขึ้นช้าแต่จะไม่หายไปทั้งหมด

IPL เป็นเครื่องมือที่กำจัดขนได้รวดเร็ว แต่ก็มีข้อควรระวังคือ ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพราะผิวหนังอาจดูดซับพลังงานที่มากเกินไปทำให้ผิวไหม้ได้

2.เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 800 nm หรือที่เรียกว่า Diode Laser เครื่องมือชนิดนี้ให้พลังงานสูงให้ผลได้ดีกว่า IPL เนื่องจากมีความยาวคลื่นที่เหมาะสม จึงสามารถทำลายลึกถึงรากขน เหมาะสำหรับกำจัดขนบริเวณพื้นที่ใหญ่ๆ เช่น ขนหน้าอก หน้าท้องอย่างไรก็ตามเมื่อใช้กับผู้ที่มีสีผิวเข้ม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

3.เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,064 nm หรือที่เรียกว่า Long Pulse ND-YAG Laser หรือที่คุ้นหูว่าแย๊ก สามารถใช้กำจัดขนได้กับผิวหนังทุกประเภทความเข้ม และด้วยความยาวของคลื่นสูงจึงสามารถทะลุไปยังใต้ผิวหนังชั้นลึกสามารถกำจัดขนได้ลงลึก การดูดซับพลังงานที่ผิวหนังน้อย จึงเกิดประสิทธิภาพในการกำจัดขนได้ดี รวมทั้งมีระบบประคบให้ความเย็นของเครื่องมือยังปกป้องผิวหนัง เหมาะกับทุกสีผิวไม่ว่าสีผิวจะเข้มระดับใดก็ตาม ทั้งผิวขาว ผิวสองสี และผิวคล้ำ

การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ Long-Pulse มีข้อดีอีกอย่างคือ สามารถใช้เลเซอร์สอดเข้าไป
ใต้ผิวหนังเพื่อทำลายต่อมเหงื่อ จึงสามารถกำจัดกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ใต้รักแร้ และลดการ
เกิดเหงื่อได้ด้วย


http://upic.me/i/sg/8yc14.jpg


คุณหมอแห่งยศยาคลินิกเสริมว่า การใช้เลเซอร์กำจัดขนในครั้งแรก อาจมีขนหลงเหลืออยู่บ้างก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะขนจะเริ่มบางเป็นขนอ่อนลงเรื่อยๆ และหมดไปในที่สุด ต่างกับวิธีกำจัดขนแบบชั่วคราว ที่เส้นขนจะงอกขึ้นมาใหม่เท่าเดิมอยู่เรื่อย ๆ เพราะรากขนยังไม่ได้ถูกทำลายไป ข้อดีอีกอย่างคือผิวบริเวณที่กำจัดขนจะเรียบเนียน กระชับ และขาวขึ้น เพราะพลังงานเลเซอร์จะไปช่วยกำจัดเซลล์เม็ดสี และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในบริเวณนั้นด้วย สำหรับจำนวนของการยิงเลเซอร์กำจัดขน กว่าที่ขนจะถูกทำลายไปจนหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่หากมีการทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ปัญหาขนก็จะค่อยๆหมดไปอย่างถาวร โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 5-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดและสภาพเส้นขนแต่ละคน

อย่างไรก็ตามการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ก็ยังมีข้อควรระวังหรืออาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น การบวมเป็นรอยแดง แต่จะค่อยๆหายไปเอง

คุณหมอหนุ่มยังฝากข้อคิดเตือนใจว่า ผู้บริโภคจำเป็นต้องรู้เท่าทันก่อนจะจ่ายสตางค์ยิงเลเซอร์กำจัดขน ควรตรวจสอบว่าเครื่องมือที่ใช้เป็นเลเซอร์ประเภทใด เหมาะสมหรือไม่อย่างไรกับสภาพผิวและขนของแต่ละคน เนื่องจากเส้นขนจะมีลักษณะความหนาบาง และสีแตกต่างกันตามเชื้อชาติ สีผิว หรือบริเวณที่เส้นขนขึ้นอยู่ ดังนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล รวมทั้งความสะอาดของเครื่องมือ สถานที่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพียงเท่านี้ก็สามารถโบกมือลาขนได้เลย



********
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ยศยาคลินิก 257/9 ถ.รัชดาภิเษก ดินแดง กทม. 10400 โทร. 02-6938693