View Full Version : เทคนิคการวิ่งระยะไกลนั้นวิ่งอย่างไร เนื้อหาโดยชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพการ์ตูนหรอยกู


ohmohm
08-03-2012, 20:28
สมัยก่อนที่จะมาจริงจังเรื่องการวิ่งระยะไกลผมไม่เคยสนใจเรื่องเทคนิคการวิ่งระยะไกลอะไรเลยครับ แต่เมื่อมาก่อตั้งชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพการ์ตูนหรอยกูนี่รู้สึกว่าเริ่มหาความรู้ใส่หัวบ้างแล้ว พูดง่ายง่ายว่าผมไม่ได้วิ่งแบบโง่ๆแล้วครับ แต่เล่นแบบมีคุณภาพแล้วครับ5555 ลองมาดูกันครับว่าเทคนิคการวิ่งระยะไกลจะเป็นอย่างไรไม่ยากเล้ย ทำถูกวิธีถูกเทคนิคการวิ่งระยะไกลมันก็วิ่งแล้วไม่เหนื่อยครับ


http://board.roigoo.com/attachment.php?attachmentid=2051&stc=1&d=1331213125 (http://board.roigoo.com/tags/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5.html)
ก่อนอ่านเทคนิคการวิ่งระยะไกลดูรูปสวยสวยก่อน





ไม่ควรวิ่งลงปลายเท้า เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าแข้ง กล้ามเนื้อน่อง และเอ็นร้อยหวายอักเสบได้ง่าย เวลาวิ่ง ควรใช้แรงจากกล้ามเนื้อโคนขา มากกว่าที่ปลายเท้า เพราะเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ที่แข็งแรง และมีพลังมาก
วิ่งยาวจนกล้ามเนื้อปวดเมื่อยอาทิตย์ละครั้ง เนื่องจากกล้ามเนื้อจะใช้พลังงานจาก ไกลโคเจน ในการออกกำลังกาย มีกฎอยู่ว่า ถ้าเราใช้ไกลโคเจนหมด กล้ามเนื้อจะเริ่มสะสมใหม่ ซึ่งจะเก็บสะสมไว้มากกว่าคราวที่ผ่านมา นั่นก็หมายความว่า คราวหน้าเราจะวิ่งได้ไกลขึ้น จะเป็นอย่างนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งการวิ่งจนปวดกล้ามเนื้อแบบสุดๆ คือ อาการของไกลโคเจนหมดนั่นเอง
วิ่งเร็วอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง การวิ่งเร็วๆ จะทำให้ร่างกายได้ทำงานหนัก ร่างกายจะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ทำให้ต้องไปใช้วิธีให้พลังงานแบบไม่ใช้ออกซิเจน วิธีนี้จะทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งกลไกนี้ทำให้ป้องกันการเป็นโรคหัวใจได้
เวลาวิ่งให้หายใจ โดยใช้กระบังลม เพราะการหายใจที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันนั้น คือ การหายใจตื้น และสั้น ซึ่งไม่เพียงพอ สำหรับการวิ่ง ดังนั้น จึงต้องใช้กระบังลมเข้าช่วย เพื่อให้มีการหายใจที่ลึกและยาว เราสามารถฝึกหายใจโดยใช้กระบังลมได้ โดยนอนหงาย เอาหนังสือวางไว้บนหน้าท้อง แล้วสังเกตว่า ถ้าหนังสือขยับขึ้น ก่อนสูดลมหายใจเข้า ลดลงตอนหายใจออก เป็นอันว่าใช้ได้ และควรยืดกล้ามเนื้อ โดยให้ยืดวันละ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการคลายกล้ามเนื้อ และลดอาการบาดเจ็บขณะวิ่ง

การวิ่งจ๊อกกิ้ง หรือวิ่งเหยาะ นอกจากจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความอดทน พร้อมกับยังสร้างระเบียบวินัยให้กับตัวเอง เป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่สร้างได้เอง อย่างน้อยก็เป็นการก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง
รู้อย่างนี้แล้ว รีบไปหยิบรองเท้าคู่ใจมาใส่ แล้วออกวิ่งไป พร้อมกับคนที่คุณรัก และอยากอยู่ด้วยกัน แบบมีความสุขไปอีกนานแสนนาน


http://board.roigoo.com/attachment.php?attachmentid=2052&stc=1&d=1331213254 (http://board.roigoo.com/tags/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5.html)





รองเท้าที่ดี สำหรับการวิ่งเพื่อสุขภาพ


บริเวณส่วนบนของหุ้มส้น ควรเว้นตรงกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้กดเอ็นร้อยหวาย
ด้านข้างของบริเวณหุ้มส้นทั้งสองด้าน จะต้องแข็งแรงพอที่จะปกป้องการบิดหมุน ของส้นเท้า เพื่อให้เกิดความมั่นคงเวลาวิ่ง
ด้านหน้าของรองเท้า ตรงบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า จะต้องนูนสูงขึ้น (อย่างน้อย ? นิ้ว) เพื่อป้องกันไม่ให้นิ้ว และเล็บหัวแม่เท้าถูกกดเบียด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เลือดออกใต้เล็บได้
ลิ้นรองเท้า ต้องบุให้นุ่ม และปิดส่วนบนฝ่าเท้าได้หมด เพื่อป้องกันการเสียดสี และระคายเคืองของนิ้วเท้า
เชือกผูกรองเท้า ไม่ควรยาวจนเกินไป เวลารัดไม่ควรแน่น หรือหลวมจนเกินไป
บริเวณส้นรองเท้า จะต้องฝานให้เป็นรูปมน เพื่อช่วยให้การลงของเท้า เป็นไปได้สะดวก และเร็วขึ้น
ที่ส้นเท้าจะต้องมีลิ้นที่นุ่มพอสมควร เสริมในส้น เพื่อช่วยกลืนแรงขณะส้นเท้ากระแทกกับพื้น
แกนยาวของรองเท้า อาจเป็นสันตรง หรือหักโค้งเล็กน้อย
พื้นรองเท้าบริเวณกึ่งกลางจะต้องหักงอได้ เพื่อช่วยรองรับอุ้งเท้า
พื้นรองเท้า จะต้องมีปุ่มสตั๊ค หรือดอกยาง เพื่อไม่ให้ลื่น และกลืนแรงสะท้อน
พื้นภายในรองเท้าตรงบริเวณอุ้งเท้า ต้องเสริมให้นูนสูง ให้เข้ารูปพอดีกับอุ้งเท้า เพื่อช่วยป้องกันการบาดเจ็บบริเวณส้นเท้า และการอักเสบของพังผืดกระดูกฝ่าเท้า