View Full Version : เยอรมันมา ฮาเหงื่อแตก


แมวสถ่อย
17-05-2012, 15:22
หวัดดีครับพี่แม่พี่น้อง และโซ้ยโกทั้งหลาย

วันนี้ขุดเอาเรื่องเก่าๆ มาเล่าให้ฟัง เป็นวีรเวรความฮาวอดวาย ครั้งเมื่อไปเที่ยว(?)เยอรมันมาครับ

ปล. ช่วงนี้คอมพังยังไม่มีตังค์ซ่อม เลยไม่ค่อยได้แวะมาเลย วันๆนั่งจิ้มเฟสบุ๊กบนมือถือแก้เบื่อแก้เซ็งแทน เงินเก็บจากการไถนารับใช้บริษัทที่เคารพรักก็ยังไม่พอค่าซ่อม (บ่นบ้าไรวะเรา)


*-*-*-*-*-*

ช่วงนี้กำลังงานเข้า ต้องเตรียมตัวไปงานแสดงสินค้าที่เยอรมัน ก็เลยทำให้วุ่นๆ ป่วนๆ ปวดมวนในหัว

หรือที่พี่ที่ทำงานก็มันจะพูดเสียงในฟิลม์ภาษาอีสานให้ฟังเสมอว่า "งึดหลาย"

เลยกลายเป็นว่าช่วงนี้ก็ค่อนข้างหวนหวยพอสมควร พอมานั่งๆนึกดูแล้วก็เลยนึกถึงวีรเวรวีรกรรม(หนักไปทางวีรเวรมากกว่า)ที่เคยทำไว้ครั้งๆก่อนๆที่เคยไปเยอรมันมา

ตอนนั้นยังเป็นละอ่อนน้อยจบใหม่ ไม่ค่อยรู้ประสีประสา และเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเยอรมัน ก็เลยทำตัวไม่ค่อยถูก ตื่นเต้นๆ เที่ยวไล่ถามคนที่เคยไปว่า อากาศที่นั่นเป็นยังไง มีอะไรกินบ้าง เค้าแต่งตัวกันยังไง จัดกระเป๋าเอาอะไรไปดี พี่เอาผ้าห่มไปด้วยป่ะ (ฮา...หนักตาย บ้าไปแล้ว) ฯลฯ :undecided:

และยิ่งถึงช่วงก่อนออกเดินทาง มันเป็นอะไรที่เหมือนนรกแตกมาก ลูกค้าที่ต้องไปเจอกันที่นั่น ก็พากันบินมาที่โรงงาน มาประชุมบ้าง มาดูสินค้าที่จะต้องปิดตู้คอนเทนเนอร์บ้าง เพราะคิดว่าไหนๆก็ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน ก็มานั่งกดดันมันที่โรงงานซะเลย เป็นการซ้อมก่อนถึงบรรยากาศประชุมจริง

ช่วงนั้นเลยเป็นอะไรที่กระอักกระอ่วนชวนอ้วกมาก เพราะต้องประชุมทุกวันและทั้งวัน ทำราคา เตรียมข้อมูลสำหรับบินไปประชุมกันที่เยอรมัน ทำ catalog สินค้าใหม่ ฯลฯ

เวลาผ่านไปไวกว่าแช่มาม่า แป๊บเดียวถึงวันออกเดินทางแล้ว ต้องออกจากบ้านตีหนึ่ง ห้าทุ่มครึ่งยังนั่งทำงานอยู่ที่โรงงานเลย ดูนาฬิกาอีกที...ฉิบหาย!...รีบโกยข้าวของแทบไม่ทัน

ถึงบ้านเที่ยงคืน คงไม่ต้องบอกว่ากระเสือกกระสนในการจัดการกับตัวเองแค่ไหน น้ำไม่ต้องอาบแม่งแล้ว จับทุกอย่างยัดลงไปในกระเป๋า โยน โยน โยน ยัด ยัด ยัด อัด อัด อัด แทบจะกระทืบกระเป๋าให้แบนแล้วปิดฝา :hurt:

เหลือบตาไปดูนาฬิกาอีกที...เฮ้ย...ตาฝาดใช่ไหม จะตีหนึ่งแล้ว
รีบกระหืดกระหอบลากกระเป๋าออกมายืนกระเชอะกระเชิงอยู่หน้าประตูบ้านยามวิกาล ให้หมามันเห่าส่งท้าย Bon Voyageเล่นๆ โฮ่งๆๆ

ก่อนที่รถจะมารับ รู้สึกโหวงๆใจ เหมือนทำอะไรค้างๆคาๆ เหมือนเข้าห้องน้ำแล้วกดชักโครกไม่สุด

ยืนบื้อใบ้อยู่สักพัก...ก็แหกปากขึ้นมาท่ามกลางความมืดสงัด จนเสียงมันสะท้อนว่า "ฉิบหาย...ลืมพาสปอร์ต(และตั๋วเครื่องบินด้วย)

กระหืดกระหอบกลับเข้าบ้านไปเอาแล้ววิ่งออกมา แสงไปสองดวงของรถวิบๆมาแต่ไกล เฮ้อ โล่งอกไปที

.....

พอถึงสนามบินปุ๊บ จัดการเรื่องเอกสารเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินหลั่นล้าในสุวรรณภูมิ ก่อนอื่นก็ ยืนเรียงแถวกันอย่างสวยงาม (ยี่สิบกว่าคน) แล้วก็ยกมือไหว้รูปปั้นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยก่อน

แล้วก็เดินเข้าไปใน Duty Free แน่นอนว่าสิ่งที่บ้านนอกออกประเทศจะทำก็คือ

"ถ่ายรูป"

ถ่ายแม่งทุกสิ่งทุกอย่าง ฝากหลักฐานเอาไว้ว่าข้าเคยมาเหยียบที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นถ่ายกับป้ายร้าน ถังขยะ ประตูห้องน้ำ บันไดเลื่อน ม้านั่ง ฯลฯ

ฝรั่งเดินผ่านไปสองสามคน มองเหลียวหลังเลยทีเดียว คงสงสัยว่า ของพวกนี้มันน่าถ่ายตรงไหน

.....

และแล้วนาทีระทึกใจก็มาถึง ในที่สุดเราก็ได้ไปฝากตูดอุ่นๆของเราไว้กับเบาะการบินไทย มีเกมให้เล่น มีหนังให้ดู แอร์เย็นสบาย มีน้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล เบียร์ ไวน์ให้กินด้วย สุดยอดดดดดด!!!
ตลอดการเดินทางก็ได้มาริโอนี่แหละเป็นเพื่อนคลายเหงา ไม่รู้จะทำอะไรก็เล่นเกมมาริโอนี่แหละ

เล่นเกมก็แล้ว...พลิกไปพลิกมาก็แล้วเฮ้อทำไมยังไม่ถึงเยอรมันซะที
หันไปถามพี่คนข้างๆ เค้าบอกว่า สิบสองชั่วโมงโน่นแหละน้อง
ไอ้เราก็ได้แต่ร้องหา...แต่ยังไม่รู้ว่านรกตูดระบมของจริงกำลังรออยู่

......

เมื่อมันไม่รู้จะทำอะไรจริง ท่ามกลางความเงียบ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ "การนอน"
นอนไปได้กำลังเคลิ้มๆ น้ำลายกำลังตั้งท่าจะโหนห้อยย้อยลงจากบ่อ ก็มีคนมาสะกิด

"กดเรียกทำไมเหรอคะ?"::rolleyes::
หือ....พูดกับใครวะ...เราเหรอ? กดไรวะ กรูง่วง

"งืม...กด...อะไรเหรอจ๊ะ???"

"ก็ปุ่มเรียกพนักงานไงคะ"
หือ...กดไรอ่ะ ก็ตรูหลับอยู่นี่หว่า...
"เปล่าอ่ะจ้า...ไม่ได้กดจ้า":undecided:

สุดท้ายก็เลยหลับต่อ....
เข้าที่แล้วคราวนี้กำลังเคลิ้ม ขอให้หลับสนิททีเท้อ...จะได้ไม่เหนื่อย

"คุณคะๆ...กดปุ่มเรียกมีอะไรให้ช่วยคะ"
"หือ....เปล่ากดอ่ะจ้า"

เหมือนเห็นเส้นเลือดขึ้น "ปึ้ด" บนหน้าคนสวย...หรือว่ากรูเมาน้ำลาย

"ก็มันขึ้นสัญญาณไฟน่ะค่ะ"
"เปล่าอ่ะจ้ะ...จริงๆนะ เค้าหลับนะตะเอง"

เฮ้อ...คราวนี้ขอนอนซะทีนะ ขอร้องล่ะ ตรูเหนื่อย ตรูอยากพักเอาแรง

ทำไมอยู่ดีๆมันหนาวๆร้อนๆกว่าเดิมวะ...คิดไปเองมั้ง
"คุณคะ...กดปุ่มเรียกรึเปล่าคะ":tongue:

เหมือนคราวนี้จะตาฝาด เห็นเส้นเลือดปูดที่ขมับคนสวยๆชัดกว่าเดิม
"เค้าเปล่าจริงๆนะตะเอง...เค้าหลับอยู่...เค้าไม่รู้เรื่อง...ปุ่มเสียมั้ง" :undecided:

ผู้โดยสารท่านอื่นๆเริ่มยุกยิกดุ๊กดิกตื่นขึ้นมาดู ในขณะที่คนสวยก็ทำการตรวจเช็คปุ่ม
สุดท้ายคนสวยก็หันมาบอกแมวสถ่อยว่า "เอ่อ...ปุ่มมีปัญหาค่ะ..."
อ่าจ้า...รู้ว่ามันมีปัญหา...ปัญหาใหญ่ซะด้วย...เพราะจะทำให้กรูไม่ได้นอน แถมต้องทนตูดระบมอย่างอ่อนเพลียไปอีกกว่าสิบสองชั่วโมง

ก็ยังคงนอนตูดระบม แบบผวาๆ กึ่งหลับกึ่งตื่นต่อไปจนเช้า
...

พอเช้ามา ก็ได้เวลาอาหารเช้า
มีให้เลือกด้วยล่ะ ดีจัง มีทั้งไทย และทั้งไส้กรอก แบบว่าสร้างบรรยากาศก่อนถึงที่หมายด้วยอาหารซะก่อนเลย

จำได้ว่าตอนนั้นเลือกชุดอาหารฝรั่ง กับน้ำแอปเปิ้ล
ระหว่างกำลังกินไป ดูเส้นทางการบินไป คุณแอร์สุดสวยก็เดินเอาขนมปังมาแจก
มันมีสองแบบ คือบัน(ขนมปังกลมๆ) กับ ครัวซอง

ปัญหามันเกิดต่อจากนี้นี่แหละ

พี่คนที่อยู่ด้านข้าง เค้ากำลังจะหยิบขนมปังบัน ก่อนที่มือจะเอื้อมไปถึงนั้น คุณแอร์ก็พูดขึ้นมาว่า
"หยิบครัวซองสิคะ...ครัวซองอร่อย":hurt:
มันคงจะดีถ้าคุณแอร์พูดแบบธรรมดาๆ

แต่ขอให้หลับตานึกถึงประโยคเมื่อกี้ ที่ออกจากปากแอร์สาวสุดสวย แต่พูดด้วยน้ำเสียงจิกๆเหมือนป้าจิ๊ อัจฉราพรรณ (เก่าไปไหม?) เวลาเล่นบทร้าย และทำหน้าจิกๆแบบป้าจิ๊ด้วย

.....

ในที่สุดก็มาถึงสนามบิน ไชโย อยากก้มลงจูบแผ่นดินเยอรมันดูจัง ดูซิว่าดินที่นั่นจะหอมเหมือนกลิ่นดินหน้าฝนของไทยไหม :wai:

ท่ามกลางความดีใจและโล่งอกนั้น สิ่งที่รออยู่คือ Luggage Racing
มันคือชื่อที่เราตั้งเองให้กับการลากสัมภาระของกลุ่มเราในวันนั้น

คนไทยหัวดำๆยี่สิบกว่าคนวิ่งกระหืดกระหอบ ลากกระเป๋า แบกกล่อง ไปตามทาง เหมือนจะรีบไปตามช้างกูที่หายไปในเมืองเบียร์ เพื่อหันทันการไปขึ้นรถไฟเพื่อไปต่อ (ไม่รู้เรียกว่ารถไฟอะไร แต่มันดูไฮโซๆคล้ายชินกังเช็นอ่ะ)

พวกเราจึงต้องวิ่งแข่งกันหางจุกตูดที่ยังไม่หายระบมเพื่อไปให้ทันเที่ยวรถไฟ :hurt:

และที่ซวยคือ ระหว่างกำลังรีบขึ้นบันไดเลื่อน มีคนทำรถเข็นกระเป๋าหลุดมือ ไหลลงมาทับตรีนน้อยๆของ
แมวสถ่อย สร้างความระบมไม่แพ้ที่ตูด

พอไปถึงชานชลา แน่นอนว่ากิจกรรมที่ดีที่สุดระหว่างรอรถไฟคือ "ถ่ายรูป" :wai:
และแน่นอนว่ามาเยอรมันทั้งที ต้องถ่ายอะไรที่มันเจ๋งๆกลับไป

กวาดตามอง ถ่ายไปเรื่อยๆ ทั้งรถไฟ นาฬิกา ป้าย ฯลฯ

ฉับพลันทันใดนั้นก็หันไปเห็นสิ่งที่ควรค่าแก่การชักภาพมากที่สุด

ตำรวจเยอรมัน สองนายสูงชะลูดเดินเบียดตูดปรอดๆด้วยกันมา หน้าตาหล่อเหลาเข้าทีเลยทีเดียว
เพื่อนผู้ถือกล้องอยู่ในมือก็เลยชวนแมวสถ่อยว่า

"ไป...เราไปกินตับ...เอ๊ยชักภาพตำรวจเยอรมันกัน" :kiss:

เรื่องแบบนี้มันเสี่ยงอยู่บ้างกับการที่กะเหรี่ยงจะมาทำซ่าในต่างถิ่น
แต่แมวสถ่อยมีเรอะจะไม่สนองนี๊ดส์เพื่อน...จัดไป..จัดหนักๆ

ว่าแล้วคนไทยสองคนก็กิ่งเดินกึ่งวิ่งย่องตามตำรวจเยอรมันสองนาย
พอเข้าระยะจู่โจม...ก็ช่วยกันเรียกตำรวจ

"Excuseme, may I take your photographs?" :wai:

เงียบ...ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบชะงัก

ตำรวจสองนายจ้องหน้าอย่างชนิดๆที่เรียกว่า สายตาประดุจใช้เครื่อง GT200 สแกนพวกเรากันเลยทีเดียว
และก็ยิงพวกเราสองคนสวนกลับมาด้วยประโยคที่ไม่ต้องเสียเวลาแปล แต่เหมือนมี subtitle วิ่งแล่นเข้ามาในหัวโดยอัตโนมัติว่า

"กูเป็นตำรวจครับ...ไม่ใช่เพื่อนเล่น" :tongue:

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนไทยสองคนรีบหลบตา ม้วนหางใส่ตูดระบมๆ แล้วล่าถอยออกมาอย่างพ่ายแพ้หมดรูปทันที

.....
ไว้วันหลังมาต่อนะจ๊ะ :kiss:

Goo-มัน-อึน
22-05-2012, 11:47
จินตนาการในหัวไปด้วย เหมือนได้นั่งอ่านการ์ตูนเลย มันส์ดีนะเนี่ย