View Full Version : มาดูวิธีใช้ conjunction สปีคอิงลิชกันเหอะ


อับดุล
15-06-2013, 23:20
คุณคิดว่าคนไทยยุคนี้กล้าที่จะเดินไปคุยกับฝรั่งกันกี่คน เวลาเราเจอฝรั่งตามท้องถนนนั้น อย่างแรกที่เราคิดได้ก็คือ ยิ้ม ยิ่งฝรั่งทำท่าจะมาถาม เราก็ยิ่งทำหน้าบู้บี้ เพราะเรากลัวพูดผิด พูดแล้วเขาไม่เข้าใจ กลัวหน้าแตก คุณรู้ไหมคะ หากเรามีความกล้า บวกหน้าด้านนิดหน่อย อย่าไปกลัวจะผิดถูกช่างมันคุณอาจได้เพื่อนฝรั่งนะคะ การที่เราจับจดอยู่กับไวยากรณ์ที่แสนยาก จริง ๆ แล้วฝรั่งเองก็ยังใช้ถูก ๆ ผิด ๆ เลยค่ะ หากคุณผ่านจุดกลัวนี้ได้รับรองคุณจะเห็นโลกที่กว้างขึ้นมาก อาจได้เพื่อนแท้ที่ดีเพิ่มมาอีกคนด้วย แต่หากเราจำเป็นต้องใช้ในการติดต่อธุรกิจล่ะก็ รู้ไวยากรณ์ไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ วันนี้ลองมาดู วิธีใช้ conjunction กันค่ะ

http://kamboom.files.wordpress.com/2011/01/a2yy5h8ca9s7dbfcaeyssdecammryz7caaxkx07ca4kebr0cae4573scaligjc0ca77o4w9cak0m20ucagmiftvcafjzsrpcag8tkmscatmxfg0cabgkbx3ca4hxnrmcaofzw7aca5j078wcali3j3rcaso2chn.jpg?w=614
Conjunction คือ คำสันธานค่ะ จำได้ใช่ไหมคะ ?สันธานเชื่อมประโยค บุพบทเชื่อมคำ? ก็คือคำที่นำมาใช้ในการเชื่อม คำ กลุ่มคำ หรือ ประโยคค่ะ และจะต้องเชื่อมคำที่เป็นชนิดเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกัน เท่านั้นค่ะ เช่น
เชื่อม Noun และ Noun เช่น
? Table and chair are in the classroom. (โต๊ะและเก้าอี้อยู่ในห้องเรียน)

เชื่อม Adverb และ Adverbเช่น
? She drives slowly and carefully. (หล่อนขับรถอย่างช้าและระมัดระวัง)
http://englishka.wikispaces.com/file/view/Conjunctions%20(%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99).jpg/365642754/400x193/Conjunctions%20(%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99).jpg
โดยปกติ เราจะแบ่ง Conjunction ออกป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ค่ะ ได้แก่
Co-ordinate Conjunctions คือเมื่อเราใช้คำ Conjunctions ไปเชื่อม 2 ประโยค ประโยคนั้นจะกลายเป็น Compound Sentence ทันทีค่ะ
โดยทั่ว ๆ ไป เราก็สามารถแบ่ง Conjunctions แบบนี้ ออกเป็น 4 แบบย่อยๆ ได้แก่

1.1 ชนิดที่มีความหมายคล้อยตาม หรือ สนับสนุนกัน ค่ะ คำเหล่านี้ได้แก่
? and = และ
? She speaks slowly and clearly.
(หล่อนพูดช้าและชัด)

? both ? and = ทั้ง ? และ
? She speaks both slowly and clearly.
(หล่อนพูดทั้งช้าและชัด)

? not only ? but also = ไม่เพียงแต่ ? ยัง ? อีกด้วย
? She speaks not only slowly but also clearly.
(หล่อนไม่เพียงแต่พูดช้า ยังพูดชัดอีกด้วย)

? no less ? than = ไม่ได้ ? น้อยไปกว่า ? เลย
? She speaks no less slowly than clearly.
(หล่อนไม่ได้พูดช้า น้อยไปกว่าพูดชัดเลย)

? as well as = เช่นเดียวกัน
? She speaks slowly as well as clearly.
(หล่อนพูดช้าและชัดเช่นเดียวกัน)

? and ? too = และยัง ? อีกด้วย
? She speaks slowly and clearly too.
(หล่อนพูดช้าและชัดด้วย)

? and also = และยัง ? อีกด้วย
? She speaks slowly and also clearly.
(หล่อนพูดช้าและยังชัดอีกด้วย)

? nor = และ ? ไม่

Conjunction ถือเป็น Grammarตัวหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ว่ามันทำหน้่าที่เป็นเพียงแค่ไวยากรณ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนได้เป็นอย่างดี

และแล้ว Grammarman ก็หยิบยกเอามาเขียนอีกจนได้ ดีมั๊ยคะ

เมื่อพูดถึงตัวเชื่อมแ่น่นอนต้องนึกถึง 2 แบบ

1. การเชื่อมความ คือ การเชื่อม ประโยค กับ ประโยค

2. การเชื่อมคำ คือ การเชื่อม ประโยคหรือคำ กับ คำ

มาพูดถึงการเชื่อมทั้ง 2 แบบกันเลย

การเลือกตัวเชื่อมมีหลายวิธีด้วยกัน อาจเลือกจากความหมายของประโยค เชื่อมเพื่อลำดับเวลา และ อะไรพรรค์นั้น (มันหมายความว่าไงเนี่ย)

ตัวเชื่่อมประโยคที่เน้นความหมายแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม เช่น

- ประโยคบอกความคล้อยตามกัน หรือ เสริมความเพิ่มเติม จะใช้

and (และ)

besides (นอกจาก)

as well as (และ , เช่นเดียวกันกับ)

furthermore (ยิ่งไปกว่านั้น)

both ... and (ทั้ง ... และ)

not only ... but also (ไม่เพียงแต่ ... แต่ยัง)

in addition (และ)

moreover (ยิ่งไปกว่านั้น)

- ประโยคบอกความขัดแย้ง จะใช้

although / though , even though , even if (ถึงแม้ว่า)

however (อย่างไรก็ตาม)

but (แต่)

still (ยังคง)

yet (แต่กระนั้น)

nonetheless , nevertheless (แต่กระนั้นก็ตาม)

no matter what (ไ่ม่ว่าอะไรก็ตาม)

no matter how (ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม)

- ประโยคที่ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้

either...or (ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง) , neither...nor (ไม่ทั้งคู่)

- ประโยคบอกเหตุ ใช้

because , as , since , for (เพราะว่า , เนื่องจาก)

- ประโยคบอกผล ใช้

so , therefore , thus , hence , thereby , accordingly , consequently (ดังนั้น)

- ประโยคบอกวัตถุประสงค์ ใช้

in order that , so that (เพื่อที่ว่า)

พวกที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นการเชื่อมความ คือ เชื่อมประโยคกับประโยค

มาดูการเชื่อม ประโยค กับ คำ หรือ กลุ่มคำ บ้าง

- กลุ่มคำที่แสดงความขัดแย้ง ใช้

despite , in spite of (แม้ว่า)

- กลุ่มคำที่ใช้บอกเหตุ ใช้

due to , owing to , as a result of , on account of , because of , thanks to (เพราะว่า , เนื่องจาก)

- กลุ่มคำที่บอกตัวอย่าง ใช้

such as (เช่น)

- กลุ่มคำที่ใช้บอกวัตถุประสงค์ ใช้

in order to , so as to (เพื่อที่จะ)

ในตอนนี้แค่เกริ่นนำคร่าวๆ ก่อนนะคะ ในตอนหน้าเราจะมาเจาะลึกรายละเอียดกัน

ต่อจาก entry ที่แล้ว

พอจะจำกันได้รึเปล่า่่คะเรื่องตัวเชื่อม แต่มีหลอกๆเอาไว้ที่นึง นึกว่าจะมีคนทวง แต่ก็หายกันหมดซะแล้ว

ระวัง

เพราะมี Tip

1. ตัวเชื่อมความ คือ ตัวเชื่อมที่เชื่อมระหว่าง ประโยค กับ ประโยค

นี่จึงจะถือว่าเป็น Conjunction (ตัวเชื่อม) ของแท้

S + v + Conjunction + S + V ( ประโยค + ตัวเชื่อม + ประโยค)

2. ตัวเชื่อมคำ คือ ตัวเชื่อมที่เชื่อมระหว่าง ประโยค กับ คำ หรือ คำ กับ คำ

นี่เค้าเรียกว่า Preposition (บุพบท) นะตัว ต้องดูให้ดี

S + V + Prep. + n./obj. / pro. / V.ing (ประโยค + บุพบท + คำนาม/กรรม/คำสรรพนาม/กิริยานาม)

ตัวเชื่อมใ่ช้เลือกใช้ตามความหมาย แบ่งเป็นกลุ่มๆ

1. ตัวเชื่อมบอกความคล้อยตาม หรือ เสริมความเพิ่มเติมข้อมูล

ม้กจะมีความหมายเหมือนคำว่า "and" แปลว่า "และ" เวลาใช้ต้องใช้หลักการคู่ขนาน (Parallelism)ด้วยทุกครั้ง คือ ถ้าหน้า and เป็น noun หลัง and ก็ต้องเป็น noun แน่นอน หรือ หน้า and เป็น adj. หลัง and ก็ต้องเป็น adj.

ในกลุ่มนี้มี

Besides (นอกจากนี้)

Moreover (ยิ่งไปกว่านั้น)

Furthermore (ยิ่งไปกว่านั้น)

In addition (ยิ่งไปกว่านั้น)

พวกนี้จะตามด้วยประโยค ( + S + V.)

Not only ... but also (ไม่เพียงแต่ ... แต่ยัง ...)

Both ... and ... (ทั้ง ... และ...)

... and ... ( ... และ ...)

... as well as ... ( ... และ ...)

พวกนี้ใช้หลัก Parallelism

ตัวอย่าง

I don't want to go shopping;besides,I haven't got any money.

ฉันไม่อยากไปช้อปเลย นอกจากนี้ฉันก็ยังไม่มีตังค์อีก

เขียนได้อีกแบบนึง

I don't want to go shopping. Besieds,I haven't got any money.

Not only Mr.White but also Mr.Bean takes in charge of this job.

ไม่เพียงแต่คุณไวท์เท่านั้นที่ควบคุมงานนี้แต่คุณบีนก็ด้วย

Jenny works as a translator as well as a teacher.

เจนนี่เธอเป็นทั้งนักแปลและครูด้วย

หมายเหตุ

Moreover , Furthermore , still ,yet , however และ nevertheless มีวิธีการเขียนอยู่ 2 แบบ เมื่อไปเจอการใช้ไม่เหมือนกันก็อย่าไปงงกับมัน

S + V ; .......... , S + V

S + V . .......... , S + V

2. ประโยคบอกความขัดแย้ง กลุ่มนี้มีความหมายเหมือน "but" แปลว่า "แต่"

While , Although , Though , Eventough , Even if , But

Still, แต่กระนั้นก็ตาม

Yet, แต่กระนั้นก็ตาม

However,

Nevertheless,

Nonetheless,

No matter what ไม่ว่าอะไรก็ตาม

No matter how ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

+ S + V , S + V

ตัวเชื่อมพวกนี้สามารถวางขึ้นต้นประโยคหรือกลางประโยคก็ได้

ตัวอย่าง

Although he wore dirty clothes , he was a rich man. หรือ

He was a rich man although he wore dirty clothes.

ถึงแม้ว่าเขาจะสวมเสื้อผกสกปรกแต่เขาเป็นคนมีตังค์นะ

He never listens no matter what I say.

เขาไม่เคยรับฟังอะไรก็ตามที่ฉันพูดเลย

แต่ถ้าหลังตัวเชื่อมเป็นกลุ่มคำเราต้องเปลี่ยนมาใช้ preposition ในกรณีที่ต้องการความขัดแย้งค่ะ

S + V + despite / in spite of + N / V.ing

เช่น Despite having just a little money , we enjoy our life.

ถึงแม้จะมีตังค์เพียงน้อยนิด แต่พวกเราก็มีความสุขกันได้

3. ประโยคให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

Either ... or ....หรือ .... (ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง)

Neither .... nor .... ไม่ทั้ง .... และ ....(ไม่ทั้งคู่)

ตัวอย่าง

You can ask either Nid or Nee to go with you.

คุณจะขอให้นิดหรือไม่ก็นีไปกับคุณก็ได้

Neither my mom nor I like Somtum.

ทั้งแม่และฉันต่างก็ไม่กินส้มตำ.

ปัฉฉิมลิขิต อย่าลืมหลัก Paralellism นะคะ

4. ประโยคบอกเหตุ ทั้งหมดแปลว่า "เพราะ , เนื่องจาก"

S + V (ผล) + because,since,for + S + V (เหตุ).

ตัวอย่าง

We have to work harder because/as/since/for we need more money.

พวกเราจำเป็นต้องทำงานหนักมากกว่าเดิมเพราะว่าอย่างได้เงินเยอะๆ

เราสามารถย้ายตัวเชื่อมได้ เพราะมันสามารถวางขึ้นต้นประโยคหรือกลางประโยคก็ได้

แต่ต้องระวังให้ดีเวลาย้ายตัวเชื่อมนะคะ ต้องให้ตัวเชื่อมอยู่หน้าประโยคบอกเหตุเสมอ

ย้ำ ตัวเชื่อมพวกนี้ต้องตามด้วยประโยคเสมอ เพราะเป็นตัวเชื่อมที่เชื่อมระหว่า ประโยค กับ ประโยค

มาดูตัวเชื่อมที่ใช้เชื่อมระหว่างประโยคกับกลุ่มคำ กับบ้าง

due to / owing to / because of / as a result of / on account of / thanks to + V.ing / Noun (สาเหตุ)

ตัวอย่าง

Owing to the bad weather,the match was cancelled.

เนื่องจากสภาพอากาศที่แย่ การแข่งขันฟุตบอลจึงถูกยกเลิกไป

Our flight was delayed on account of bad weather.

เที่ยวบินพวกเราต้องถูกงดเพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ

ตัวเชื่อมสามารถวางไว้ต้นประโยคได้ แต่ต้องมีกลุ่มคำหรือคำตามหลังเสมอ

5. ประโยคบอกผล แปลว่า "ดังนั้น"

So / Therefore, / Thus, / Hence, / Thereby, / Accordingly, / Consequently, + S + V. (ผล)

ตัวอย่าง

The traffic was very heavy and as a result I arrived late.

เป็นเพราะการจราจรติดขัด (เหตุ)ฉัน จึงมาสาย (ผล)

Our new home is very nice ; therefore,we are very happy.

6. ประโยคบอกวัตถุประสงค์ แปลว่า "เพื่อที่ว่า"

S + V + in order that / so that + S + Modal verb (can,could) + V.inf

ตัวอย่าง

We get up early in order that we could catch the bus.

พวกเราตื่นเช้าเพื่อที่ว่าพวกเราจะไ้ด้ทันรถประจำทาง

She wore glassed so that nobody could recognize her.

เธอสวมใส่แว่นเพื่อที่ว่าจะไม่มีใครจำเธอได้

หรือ อาจจะใช้เชื่อมกับกลุ่มคำ ก็ได้

S + V + in order to / so as to + V.inf

ตัวอย่าง

She travelled by train in order to / so as to avoid the traffic.

เธอเดินทางโดยรถไฟเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร (การจราจรอาจติดขัด)

7. ประโยคบอกตัวอย่าง

S + V. For example , S + V. (ตัวอย่าง)

ตัวอย่าง

There are many way to keep yourself fit. For example,you should exercise at least 30 minutes a day.

มีหลายวิธีที่จะทำให้คุณหุ่นดี ตัวอย่างเช่น คุณต้องออกกำลังการอย่างน้อยวันละ 30 นาที

หรืออาจจะเป็นตัวเชื่อม กับ กลุ่มคำหรือคำ

S + V + such as + noun / phrase

ตัวอย่าง

Fatty foods such as chips are bad for you.

อาหารมันๆเช่น มันฝรั่งทอดไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ

8. ประโยคที่บอกปริมาณ ในความหมายที่ว่า ........ มาก เสียจนกระทั่ง

S + V + so + adj/adv. + that + S + V.

S + V + such + noun + that + S + V.
https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQYF48AlPGWQBE2uVObTlKM2SUhQz8VuXAagkXcttjDqNfTkCNs
Tip วีธีการสังเกต

such เป็นคำ adj. ต้องอยู่ข้างหน้า noun เสมอ จำแค่นี้แหละ

ส่วน so ก็ใช้ตามวิธีในสูตร ก็แล้วกัน

ตัวอย่าง

The teacher speaks so cleary that we understand everything.

คุณครูพูดได้ชัดเจนแจ่มแจ้งมากจนกระทั้งพวกเราเข้าใจหมดทุกอย่างเลย

He is such an annoying man that we avoid talking with him.

เขาเป็นคนน่ารำคาญมากเสียจนกระทั่งพวกเราหลีกเลี่ยงที่จะพูดกับเขา

หรืออาจใช้เป็นตัวเชื่อมคำ

S + V + too + adj/adv. + to + V.inf แปลว่า มากเกินไป

ตัวอย่าง

He walks too slowly to arrive on time.

เขาเดินช้ามากเกินไปเลยไปถึงไม่ตรงเวลา

Tip

on time หมายถึง บนจุดของเวลา เมื่อเราใช้ on time จะมีความหมายว่า ตรงเวลา

in time หมายถึง ในช่วงของเวลา เมื่อเราใช้ in time จะมีความหมายเหมือน ทัีนเวลา , ภายในเวลาที่กำหนด

ออกนอกเรื่องอีกแล้ว



หรือ S + V + adj/adv. + enough to + V.inf แปลว่า เพียงพอที่จะ...

ตัวอย่าง

This lady is rich enough to buy this castle.

ท่านผู้หญิงคนนี้รวยพอที่จะซื้อประสาทแห่งนี้

ระวัง ตกหลุม Oops! ไม่ใช่

เมื่อมีแค่ 1 ประโยค ไม่สามารถใช้ Conjunction ได้ แต่ สามารถ ใช้ Preposition ได้นะ

เมื่อมี 2 ประโยค สามารถใช้ Conjunction ได้เพียงแค่ตัวเดียวเ่ท่านั้น

เมื่อมี 3 ประโยค สามารถใช้ Conjunction ได้เพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น

เมื่อมี 4 ประโยค ........................................(มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก)

บางทีเราอาจเผลอใช้ตัวเชื่อมแบบการแปลจากภาษาไทยซึ่งมักจะใส่ตัวเชื่อมหลายตัว เช่น

เพราะเขาขาดความเชื่อมันในตัวเอง เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จ

ถ้าถอดเป็นภาษาอังกฤษก็จะได้ว่า

Because he lacks of self-confidence , so he can't be successful.

เขียนแบบนี้ถือว่าผิดค่ะ ต้องเลือกเอาตัวเชื่อมตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น
http://24.media.tumblr.com/tumblr_lp2dviZDLp1qemxfbo1_500.jpg
เช่น

Because he lacks of self-confidence , he can't be successful. หรือ

He lacks of self-confidence so he can't be successful.

เรามาดูตัวอย่างกันเลย ค่ะ
? It is true that he is my teacher. (มันเป็นความจริงที่ว่า เขาเป็นครูของฉัน)
? I need to know when you will do it. (ฉันจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเมื่อไรคุณจะทำมัน)
? I don?t know where he is. (ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน)
? I wonder why he asks me this question. (ฉันสงสัยว่า ทำไมเขาถามคำถามนี้กับฉัน)
? I wonder how she managed to do the quiz. (ฉันสงสัยว่าหล่อนทำแบบทดสอบได้อย่างไร)
? I will wait for you until my mother come. (ฉันจะรอคุณจนกว่าแม่ของฉันจะมา)
? I returned home after the party had done. (ฉันกลับบ้านหลังจากที่งานเลี้ยงเลิก)
? He goes to the hospital because his mother was sick. (เขาไปโรงพยาบาล เพราะแม่เขาป่วย)
? As I went to the market, he stayed at home alone. (เพราะฉันไปตลาด เขาจึงอยู่บ้านคนเดียว)
? I will go there if you go with me. (ฉันจะไปที่นั่น ถ้าเธอไปกับฉัน)
I will go there unless it rains. (ฉันจะไปที่นั่นถ้าฝนไม่ตก)
He is nice, although / though he is poor. (เขาเป็นคนดี ถึงแม้ว่าเขาจนก็ตาม)
I love you as much as him. (ฉันรักเธอเท่ากับที่ฉันรักเขา)
My sister is beautiful than she. (น้องสาวของฉันสวยกว่าหล่อน)


ตัวเชื่อมทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ตอนแรกเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีตัวเชื่อมอีกเยอะแยะมากมายที่รอคอยให้เราไปทำความรู้จักกับมันอยู่ค่ะ อย่าปล่อยให้มันเหงานะ

ลองทบทวนทั้งหมดดูอีกครั้ง คุณอาจจะเข้าใจมากขึ้นค่ะ