View Full Version : สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุบลราชธานี ถึงไกลแต่ก็มีดีนะ


อับดุล
22-06-2013, 17:38
วันนี้จะพาเที่ยวอุบลราชธานีกันนะจ๊ะทุกคน สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุบล (http://board.roigoo.com/tags/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5.html)นั้นมีหลากสไตล์เรียกได้ว่าคุณจะรักเมืองอุบลราชธานีกันเลย หากคิดถึงไข่กระทะ ต้องอุบลค่ะ อาหารเช้าที่ทุกคนในอุบลรับประทานนอกจากอร่อยแล้วยังได้คุณค่าทางอาหารอีกด้วย นอกจากนั้นหากอยากรับประทานอาหารเวียดนาม อุบลก็มีร้านอาหารเวียดนามให้เลือกมากมายจากคนเวียดนามที่อพยพมาจนกลายเป็นไทยเวียดนามซึ่งมีอาหารที่เรียกได้ว่าเอร็ดอร่อยถูกปากมากพร้อมด้วยผัก รับรองว่ามีประโยชน์และไม่อ้วน ประเพณีที่ขึ้นชื่อของอุบลคือประเพณีแห่เทียนซึ่งดังไประดับโลก เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มาก หากอยากท่องเที่ยวอุบลก็มีแหล่งท่องเที่ยวเช่น น้ำตกภูสวรรค์ และยังมีหน้าผาประวัติศาสตร์ที่เชื่อมกับสามพันโบกซึ่งมีอายุนับล้านปี น่าตื่นตาตื่นใจไหมล่ะ

http://board.roigoo.com/attachment.php?attachmentid=7196&stc=1&d=1371969564 (http://board.roigoo.com/tags/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%A5.html)

ทุ่งศรีเมือง
เป็นทุ่งกว้างกลางเมือง คล้ายสนามหลวงของกรุงเทพฯ เดิมเป็นที่ทำนาของเจ้าเมือง ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้งดการทำนาที่ทุ่งศรีเมือง เพื่อรักษาไว้ให้เป็นที่พักผ่อนของชาวเมืองและ เป็นที่จัดเทศกาลงานบุญต่างๆ ทางทิศใต้ของทุ่งศรีเมืองเป็นที่ประดิษฐานของศาลหลักเมือง



-----------------------------------------------------------------


วัดทุ่งศรีเมือง
ตั้งอยู่ที่ถนนหลวงในเขตเทศบาลเมือง มีพระอุโบสถสวยงาม เป็นสถาปัตยกรรมอีสานที่ได้รับอิทธิพล จากกรุงเทพฯ สร้างประมาณต้นสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่บ่งบอกถึง อารยธรรมและวัฒนธรรมของคนอุบลในสมัยโบราณเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วนอกจากนี้ยังมีหอไตรกลางน้ำ สร้างด้วยไม้ มีลักษณะผสมระหว่างไทย พม่า และลาว ลักษณะอาคารเป็นแบบไทย เป็นเรือนฝาปะกน ขนาด 4 ห้อง เก็บตู้พระธรรมลงรักปิดทอง หลังคามีลักษณะเป็นศิลปะไทยผสมพม่า มีช่อฟ้าใบระกาแต่ หลังคาซ้อนกันหลายชั้น ส่วนลวดลายแกะสลักบนหน้าบันทั้งสองด้าน เป็นลักษณะศิลปะแบบลาว เป็นสถาปัตยกรรมของอีสานที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด



-----------------------------------------------------------------


วัดศรีอุบลรัตนาราม (วัดศรีทอง)
เป็นอารามหลวงตั้งอยู่บนถนนอุปราชข้างศาลากลางจังหวัดในตัว เมืองอุบลราชธานี พระอุโบสถ สร้างตามแบบวัดเบญจมบพิตร เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วบุษราคัม พระคู่ บ้านคู่เมือง ซึ่งอัญเชิญมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุต ประเทศลาว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีการ อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมเข้าขบวนแห่ไปรอบเมืองอุบลราชธานี เพื่อให้พุทธศาสนิกชน ได้นมัสการและสรงน้ำ



-----------------------------------------------------------------

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี
ตั้งอยู่ที่ถนนเขื่อนธานีตัดกับถนนอุปราช เป็นอาคารปั้นหยาชั้น เดียว สร้างเมื่อ พ.ศ. 2461 เดิมใช้เป็นศาลากลางจังหวัด ต่อมาทางจังหวัดได้มอบอาคารหลังนี้ให้กรมศิลปากร เพื่อจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี ภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวท้องถิ่น ได้แก่ สภาพภูมิศาสตร์ ประวัติการตั้งเมือง โบราณวัตถุซึ่งเป็นหลักฐานทางด้านศิลปโบราณคดี หัตถกรรมพื้น บ้าน การละเล่นพื้นเมือง และเครื่องใช้ของเจ้าเมืองอุบล เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวัน หยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. ราคาค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท



-----------------------------------------------------------------


วัดแจ้ง
ตั้งอยู่ที่ถนนสรรพสิทธิ์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2431 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 โดยการดำริของเจ้าราชบุตร (หนูคำ) หนึ่งในคณะอาญาสี่ผู้ปกครองเมืองอุบลราชธานีในสมัยนั้น โบราณสถานที่สำคัญคือ พระอุโบสถที่สร้างเสร็จ ในราวปีพ.ศ. 2455 หรือหลังจากการตั้งวัด 24 ปี โดยญาท่านเพ็ง ได้รับการยกย่องว่ารูปทรงสวยงาม และมีงานจำหลักไม้ที่มีฝีมือแบบพื้นฐานโดยแท้ ซึ่งนับวันจะหาดูเป็นตัวอย่างศึกษาได้ยาก เป็นอุโบสถขนาดไม่ใหญ่นัก กว้างประมาณ 6 เมตร ยาว 15 เมตร สูง 10 เมตร ฐานเตี้ยหลังคาชั้นเดียวเดิมมุงด้วยกระเบื้องไม้ ต่อมาเปลี่ยนเป็นกระเบื้องดินเผา มีบันไดอยู่ด้านหน้าราวบันไดเป็นรูปจระเข้หมอบ ส่วนหน้าบันหน้า อุดปีกนกและรวงผึ้ง สลักไม้เป็นลายดอกบัว กอบัวอย่างสวยงาม โดยเฉพาะหางหงส์ซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ ทำเป็นรูปหัวนาคตรงหงอนสะบัด ปลายเป็นกนกเปลว อุโบสถวัดแจ้งได้รับการบูรณะเรื่อยมาโดยพยายามให้คงสภาพเหมือนเดิมที่สุด ซึ่งนับเป็นโบราณสถานที่คุณค่าแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลฯ เคยได้รับเกียรติบัตรในงานนิทรรศการ "สถาปนิก 30" จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี



-----------------------------------------------------------------


วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่)
ตั้งอยู่บนนถนนสรรพสิทธิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง ชาวบ้านนิยมเรียกกันทั่วไปว่า "วัดป่าใหญ่" เป็นวัดเก่าแก่และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอบุลฯ เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฎฐาน ตั้งขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับการสร้างเมืองอุบลฯ ในพ.ศ.2322 ต่อมาในสมัยเจ้าเมืองคนที่ 2 คือ พระพรหมวรราชสุริยะวงศ์ (ท้าวทิศพรหม) ได้ยกฐานนะเป็นวัดและถือเป็นวัดประจำเมืองแห่งที่ 2 ให้ชื่วว่า วัดป่าหลวงมณีโชติ แต่ชาวบ้านเรียกว่า วัดหนองตะพังหรือหนองสะพัง ตามชื่อหนองน้ำที่อยู่ใกล้เคียงดังปรากฏหลักฐานศิลาจารึกที่ตั้งอยู่ด้านหลังพระเจ้าใหญ่อินแปง ระบุปีที่สร้างวัดนี้ตรงกับ พ.ศ. 2350 โดยมีพระราชครูศรีสัทธรรมวงศา เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกและเป็นผู้สร้างพระพุทธรูป "พระอินแปง" หรือพระเจ้าใหญ่อินแปงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดมหาวนาราม ปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดนี้คือพระเจ้าใหญ่อินแปง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยก่ออิฐถือปูนพร้อมกับลงรักปิดทอง ลักษณะศิลปะแบบลาว ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร ในวันเพ็ญเดือน 5 (ประมาณเดือนเมษายน) ของทุกปีจะมีการทำบุญตักบาตร เทศน์มหาชาติชาดก และสรงน้ำปิดทองพระเจ้าใหญ่อินแปงซึ่งถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีมาจนทุกวันี้ (จากรูป ผมได้ถ่ายไว้ในว้นสรงกรานต์ปี 48 พอดีชาวบ้านกำลังทำพิธีสรงน้ำพระ)



-----------------------------------------------------------------

วัดบูรพาราม

อยู่ในตัวเมืองอุบลราชธานี เป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของอาจารย์ชื่อดังทางวิปัสนากรรมฐาน ได้แก่ อาจารย์สีทาชยเสโน อาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ อาจารย์ลี ธัมมธโร อาจารย์เสาว์กันตสีโล และอาจารย์สิงห์ ขันตยคโม ปัจจุบันคงมีแต่รูปเหมือนทำจากหินบริสุทธิ์จากลำน้ำต่างๆเป็นที่เคารพ สักการะของชาวเมือง

วัดนี้สร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2436-2453 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้สร้างถวายพระสีทา ชยเสโน แห่งวัดศรีอุบลรัตนาราม ด้วยศรัทธาที่เห็นท่านมานั่งวิปัสนากัมมัฎฐาน ณ บริเวณที่นี้เป็นประจำ

สิมวัดบูรพาราม มีลักษณธเป็นสิมทึบ แผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 2 ห้อง หันหน้าออกสู่แม่น้ำมูล ส่วนฐานอาคารก่อด้วยอิฐ เป็นฐานเอวขันแบบสิมอีสานทั่วไป ผนังมีโครงสร้างภายในเป็นไม้ระแนงฉาบด้วยดินเหนียวผสมน้ำและฟางฉาบทับด้วยปูนขาวอีกครั้ง

หอไตร ลักษณะเป็นเรือไม้ขนาด 3 ห้อง 2 หลัง คู่กัน ยกพื้นสูงด้วยเสาไม้กบมหลังละ 8 ต้น มีชานเชื่อมตรงกลาง หลังคาเป็นทรงจั่ว หน้าจั่วทำลวดลายรัศมีพระอาทิตย์ ฝาผนังอาคารตีไม้ในแนวเฉียงเป็นลายก้างปลา ผนังด้านข้างมีหน้าต่างข้างละ 3 บาน รองรับด้วยหย่องลายเข้งสิงห์ ตอนล่างของผนังอาคารโดยรอบตกแต่งลายบัวฟันยักษ์ ประดับกระจกสีเหลือง ขาว และเขียว







-----------------------------------------------------------------


วัดสุปัฏนารามวรวิหาร
ตั้งอยู่ที่ถนนสมเด็จ เป็นพระอารามหลวงในจังหวัดอุบลราชธานี และเป็นวัดธรรมยุติกนิกายวัดแรก ของอีสาน สร้างใน พ.ศ. 2396 โดยพระพรหมราชวงศา (พระอุปราชกุทอง) เป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานี (สมัยรัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี) ตัววัดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นพระอารามหลวง ที่อยู่ในภูมิทัศน์ที่ร่มรื่นสวยงาม พระอุโบสถเป็นศิลปะไทย-จีน-ยุโรป หน้าโบสถ์มีรูปสิงโตคล้ายของจริงสองตัว ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระสัพพัญญูเจ้า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดเงาไม่ปิดทองที่ สง่างามมาก มีหอศิลปวัฒนธรรม เก็บรักษาโบราณวัตถุ เช่น เสมาหิน ศิลาจารึก และทับหลัง



-----------------------------------------------------------------

หาดวัดใต้
เป็นเกาะหาดทรายอยู่กลางลำน้ำมูลช่วงท้ายเมืองใกล้ที่ตั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดอุบลราชธานี ในฤดูแล้งมีบริเวณกว้างขวาง มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มให้ความร่มรื่นอยู่ตลอดเวลา เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง โดยเฉพาะในตอนเย็นๆ จะมีคนนำอาหารไปรับประทาน ร่วมกันแล้วลงเล่น น้ำเป็นที่สนุกสนาน และยังมีร้านอาหารเรือนแพบริการขายอาหารด้วย

----------------------------------------------------


วัดบ้านนาเมือง
ตั้งอยู่ที่บ้านนาเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กม. ด้านทิศเหนือของสนามบิน เป็นวัดที่มีพระอุโบสถแปลกตา สร้างเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ซึ่งทำด้วยเซรามิค โดยมีอาจารย์บุญมีเป็นเจ้าอาวาส เป็นที่เคารพนับถือของชาวอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียง

----------------------------------------------------


วัดหนองบัว
อยู่ชานเมืองอุบลราชธานี บนทางหลวงหมายเลข 212 สายอุบล-อำนาจเจริญ ประมาณ 3 กม. จะมีทางแยกจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 800 เมตร ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 และได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นวัดเดียวในภาคอีสานที่มี เจดีย์แบบนี้ สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง ร่มรื่น

----------------------------------------------------


พิพิธภัณฑ์เปิดบ้านก้านเหลือง
ตั้งอยู่ในบริเวณวัดบ้านก้านเหลืองจากตัวเมืองไปตามทางหลวง 212 ประมาณ 3 กม. แล้วแยกขวาเข้าทางหลวง 2050 ไปอีก 2 กม. กรมศิลปากรได้ทำการขุดค้น เมื่อปี 2535 พบโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย เช่น ลูกปัด เครื่องปั้นดินเผา กระพรวนสำริด ขวานเหล็ก และ แกลบข้าวจำนวนมาก แต่ไม่พบโครงกระดูกมนุษย์ สันนิษฐานว่าชุมชนโบราณแห่งนี้ เป็นแหล่งโบราณคดี สมัยกสิกรรมยุคหลัง หรืออยู่ในช่วงยุคโลหะตอนปลาย มีอายุไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี

----------------------------------------------------

หาดคูเดื่อ
เป็นหาดทรายกว้างใหญ่ริมแม่น้ำมูลที่ปรากฏในช่วงหน้าแล้ง ห่างจากตัวเมืองไปตามถนนเลี่ยงเมือง ประมาณ 12 กม. ริมหาดมีร้านอาหารจัดเป็นซุ้มบริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายร้าน

-----------------------------------------------------------------

บ้านปะอ่าว
ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองขอน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 18 กม. ตามทางหลวงหมาย เลข 23 ทางไปยโสธร ถึงหลักกม.ที่ 273 เลี้ยวขวาไปอีก 3 กม. เป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่มากแห่ง หนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ตามประวัติศาสตร์นั้น ได้อพยพมาจากนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ตั้งแต่ สมัยของพระเจ้าสิริบุญสาร มายังหนองบัวลำภู นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน จนกระทั่งถึงบ้านปะอาว แห่งนี้ ฉะนั้น หมู่บ้านปะอาว จึงมีอายุประมาณ 200 กว่าปี และเป็นหมู่บ้านที่มีอาชีพที่เป็นเอกลักษณ์ ประจำหมู่บ้านซึ่งได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ คือการทำเครื่องทองเหลือง กรรมวิธีการผลิตยังเป็น แบบโบราณดั้งเดิม นอกจากนี้แล้วในหมู่บ้านยังมีศูนย์สาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทองเหลือง และทอผ้า ไหมที่สวยงาม เปิดทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ