View Full Version : เคยรู้สึกว่าเพื่อนเปลี่ยนไปเพราะ...Facebook


JigSaW
26-08-2011, 13:36
http://board.roigoo.com/members/ohmohm-albums-picture01-picture1011-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0-facebook.jpg (http://board.roigoo.com/members/ohmohm-albums-picture01-picture1011-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0-facebook.html)



ผมเริ่มเล่นเฟซบุ๊คมาตั้งแต่ตอนที่คนไทยยังเล่นกันไม่มาก ตอนนั้นคนส่วนมากเล่นhi5กันอยู่ แรกๆผมก็เล่นHi5ควบคู่ไปด้วย เพราะเล่นhi5มาก่อน แต่ตอนหลังเพื่อนๆย้ายไปเล่นเฟซกันหมด ก็เลยเลิกเล่น hi5

เฟซบุ๊คเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ช่องสเตตัส จะเป็นช่องที่ให้เขียนว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ผมว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่เฟซบุ๊คมีเสน่ห์มากๆ เพื่อนๆก็มักจะโพสความเป็นไปในแต่ละวัน ทำอะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกว่าเฟซบุ๊คได้ทำลายระยะทางและเชื่อมผมกับเพื่อนๆเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

บรรยากาศคล้ายๆกับนั่งล้อมวงคุยกัน ช่วงเวลานั้นผมค้นหาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสิบปี ได้เจอเพื่อนที่เคยเรียนประถม มัธยมมาด้วยกัน ได้ดูรูปปัจจุบัน บางคนผมก็จำแทบไม่ได้ บางคนอ้วนขึ้นมากเลย

ช่วงเวลานั้นคนที่เล่นเฟซบุ๊ค(เพื่อนๆผม)จะมีอารมณ์ในการเล่นคล้ายๆกัน เป็นอารมณ์ตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อนเก่า เป็นอารมณ์อยากคุยอยากถามสารทุกข์สุกดิบ ภาพวันเก่าๆก็ค่อยๆผุดขึ้นมา

พอเฟซบุ๊คเริ่มมีอายุมากขึ้น คนเล่นมากขึ้น วัฒนธรรมการเล่นของคนรอบๆตัวผมก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนปัจจุบัน แต่คนที่ไม่เปลี่ยนก็เยอะอยู่ ประมาณครึ่งๆ ( ปกติผมมักจะไม่Addและไม่รับAddคนที่ตัวเองไม่รู้จัก แต่ถ้าอยู่จังหวัดเดียวกัน เรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกันไม่ว่าจะรุ่นไหน หรือ เรียนมหาลัยเดียวกัน ผมก็จะรับหมด )

มันเป็นวัฒนธรรมของการสะสมLike ไม่รู้ว่ามันเอาไปแลกHAอะไรได้ ไอ้จำนวนคนกดไลค์เนี่ย

ช่องสเตตัสที่เคยให้เขียนความคิดของตัวเองว่ากำลังคิดอะไรอยู่ กลับกลายเป็นช่องที่เอาไว้ให้ไปหาประโยคเท่ๆจากเน็ตมาใส่เพื่อให้คนมากดไลค์ หลายๆคนก็เนียนว่าตัวเองเป็นคนคิด ทั้งๆที่ มแร่งมีอยู่เกลื่อนเน็ต

ทุกๆวันนี้เปิดหน้า new feed แทนที่จะได้อ่านว่าแต่ละคนกำลังทำอะไรกันอยู่ คิดอะไรกันอยู่ กลายเป็นเจอประโยคเสี่ยวๆ ประโยคเท่ๆ เต็มไปหมด เหมือนเว็บบอร์ดชมรมกลอนยังไงไม่รู้

เพื่อนหลายๆคน ก็พยายามใช้เฟสบุ๊คสร้างภาพตัวเองให้ดูดี ตัดแปะประโยคคำพูดที่ดูดี ชอบแสร้งเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม ชอบเลี้ยงแมว สร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ๆขึ้นมาให้เพื่อนใหม่ๆดู ไอ้เพื่อนที่เป็นเพื่อนกันในชีวิตจริงน่ะมันรู้ไส้รู้พุงกันอยู่แล้ว

ซื้อครีมกระปุกละ2พันก็ต้องถ่ายรูปมาลง กินอาหารมื่อละหกเจ็ดร้อยก็ต้องถ่ายรูปโชว์กลัวคนไม่รู้ว่ารวย

เหตุการณ์ประมาณนี้มักจะเกิดจากบุคคลที่มีเฟรนด์เป็นพันๆคน ส่วนพวกคนที่มีเฟรนด์2-3ร้อยคนนี่ยังรักษาความเป็นตัวเองได้อยู่ เพราะส่วนมากมักจะเป็นเพื่อนในชีวิตจริง จึงไม่ต้องสร้างอะไรขึ้นมาให้ใครดู อยากโพสอะไร อยากด่าใคร ก็ไม่ต้องแคร์ พูดกันตรงๆเหมือนั่งคุยกัน แต่พวกใช้facebookเป็นเครื่องมือสร้างภาพ กับพวกที่มีเฟรนด์2-3พันคน พวกนี้เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว จะพิมพ์จะเขียนอะไรก็ต้องเขียนให้มันดูดี เพราะคนอ่านเยอะ สูญเสียความเป็นตัวเองไปหมด

จากเดิมที่ผมรู้สึกว่าผมอยู่ใกล้เพื่อนมากขึ้น เข้าใจ(ความคิด)เพื่อนมากขึ้น ทุกวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าผมห่างไกลจากเพื่อนบางคนเหลือเกิน บางทีก็ยอมรับว่าหมั่นไส้ เพราะผมรู้ว่าตัวจริง ชีวิตจริงของเพื่อน คนละเรื่องกับในเฟซบุ๊คเลย ในเฟซบุ๊คดูไฮโซ ดูชีวิตชิวๆ มีแต่ความสุข กินอาหารแพงๆ ใส่เสื้อผ้าดีๆ ไปเที่ยวเดือนละ8ครั้ง แต่ชีวิตจริงนี่คนละภพเลย ผมก็ไม่ใช่คนดีเท่าไร มีนิสัยโรคจิตคือเกลียดคนสร้างภาพ นานๆเข้าผมก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว มันค่อยๆสะสมขึ้นมามั้ง

ผมเชื่อว่าเพื่อนผมหลายๆคน ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างภาพ แต่มันอาจเป็นไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกว่ามีคนเป็นพันๆจับจ้องมองอยู่ มีคนเข้าอ่านโปรไฟล์ทุกวัน เป็นอัตโนมัติที่ต้องสร้างอะไรที่มันดูดีขึ้นมา จะมาหาแฟนทางเฟซบุ๊คกันรึไงก็ไม่รู้ อ่านไปอ่านมาเหมือนอ่านคอลั่มหาคู่ของลุงหนวด

ความรู้สึกเดิมๆสมัยเล่นเฟซบุ๊คแรกๆหายไปหมดแล้ว
คงเป็นเพราะว่าวันนี้ผมเจอเพื่อนเก่าๆหลายคนแล้ว ความตื่นเต้นที่เคยมีก็หายไป เข้าไปอ่านสเตตัสของเพื่อน มันก็ไม่ใช่ความคิดของเขา ไม่ใช่ตัวตนของเขา แต่กลับเป็นความคิดของใครก็ไม่รู้ที่เพื่อนไปก๊อปจากเน็ตมาเพื่อให้คนมากดไลค์ ส่วนคนที่มาเม้นก็มีแต่ "โดนว่ะ" "กดไลค์" "เฮ้ยคิดได้ไงอ่ะ" "อื้อตรงกับเราเลย" -*-

แน่นอนผมก็กดไลค์ให้ ก็รักเพื่อนนี่หว่า

แต่เสน่ห์ Private แบบเดิมๆแทบเหลือน้อยเต็มทีแล้ว จากที่เคยใกล้กันก็กลับมาไกลกันกว่าเดิม บางทีเอ๊ะนี่เพื่อนกุรึป่าว

หน้าWall จากที่เคยเป็นเหมือนโต๊ะกลมที่พวกเราเคยล้อมวงนั่งคุยกัน เหมือนสนามบอลตอนเย็นๆที่เคยจับกลุ่มนั่งคุยกัน

ทุกวันนี้กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ คุยอะไรกันก็ไม่รู้ ประโยคบ้าๆบอๆเต็มไปหมด
เพื่อนทุกคนกลายเป็นนักเขียน นักแต่งประโยคกันไปหมด

บางทีก็เข้าใจนะว่าเอามาแชร์ แต่มัวเอาแต่ที่คนอื่นคิดมาแชร์ จนลืมแชร์ความคิดตัวเอง

sqallcung
26-08-2011, 14:54
พูดได้ซึ้งมาก (แอ๊ะแต่เขียนนี่หว่า)

Oru
26-08-2011, 16:42
เห็นด้วย เราเริ่มไม่เข้าใจเพื่อนในหลาย ๆ อย่าง
เพราะเรื่องบางเรื่องทำไมต้องเอามาทำให้ใหญ่โตจนดูงี่เง่า
ขนาดว่าเคยตัดขาดความเป็นเพื่อนเพราะเฟซบุ๊คหรือแม้แต่เพราะขโมยหมู (อันนี้อนาถจนรับไม่ได้)
เราคิดว่าจะยังดีอยู่คือใช้ส่งงานให้อาจารย์นี่แหละ ที่ยังพอเข้าท่าอยู่บ้างแม้จะไม่ชอบใจเท่าไหร่
แต่ก็นะ ถ้าใช้ดี ๆ ไม่ว่าอะไรก็ให้ผลดีแหละ มันขึ้นอยู่กับวิธ๊ใช้

ohmohm
26-08-2011, 17:07
กระผมก็เจอเพื่อนแบบนี้หลายคนครับ คือพิมพ์ข้อความอะไรที่เรา
อ่านแล้วรู้สึกว่า กูไม่เข้าใจที่มึงพูด ในใจเราก็อยากจะบอกว่าให้
พิมพ์มาเล่นใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไรอย่างไร อย่ามางุงิงุงิคนอ่าน
เค้าเข้ามาอ่านแล้วมันอนาถจิตครับ

ohmohm
27-08-2011, 01:54
http://board.roigoo.com/attachment.php?attachmentid=45&stc=1&d=1314384619

ยกตัวอย่างเพื่อนผมเลยเอา มันคงไม่ด่าผมหรอก5555 พิมพ์อะไรไปมั่วๆโพสรูปอะไร
ไปมั่วๆก็กด like ได้ทั้งนั้นแลหะครับ เพราะคน like ไม่ได้เสียเงินอะไรซะหน่อย
อารมณ์ประมาณเหมือนคล้อยตามหรืออุปทานหมู่นั้นแหละครับ แถมฟิวการโพสสมัยนี้
ก็ชอบโพสกันแบบไม่รู้เรื่องกะให้คนคนเดียวอ่าน กลายเป็นเหมือนตะโกนให้โลกงงซะงั้น




อุปทานหมู่ (collective hysteria, collective obsessional behavior, mass hysteria หรือ mass psychogenic illness) เป็นปรากฏการณ์ทางจิตสังคมอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นการแสดงออกอย่างเดียวกับโรคฮิสเตอเรีย หรือโรคผีเข้า (อังกฤษ: hysteria) แต่อุปาทานหมู่นั้นเป็นอาการสมดังชื่อ คือ เกิดขึ้นในคนหมู่ โดยมักมีสาเหตุจากการที่คนกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าตนกำลังประสบภาวะเจ็บป่วยหรือ อาการอื่นอย่างเดียวกัน

ปรากฏการณ์อุปาทานหมู่นั้นเกิดขึ้นเมื่อ บุคคลหนึ่งเกิดป่วยหรือมีอาการของโรคฮิสเตอเรียอันเป็นผลมาจากภาวะเครียด และเมื่อผู้ป่วยคนนั้นเริ่มแสดงอาการ คนอื่น ๆ รอบข้างก็เริ่มแสดงอาการด้วยเพราะเชื่อว่าตัวเองก็ประสบภาวะอย่างเดียวกัน อาการที่แสดงเช่นว่ามักได้แก่ อาการคลื่นไส้ (nausea), อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง (muscle weakness) การชัก (fit) หรืออาการปวดศีรษะ (headache)

อุปาทานหมู่มีลักษณะเด่นตรงที่ไม่อาจหาสาเหตุแน่ชัดได้ อาการที่เกิดก็มักมีความคลุมเครือ แต่มักเชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากอำนาจเหนือธรรมชาติหรือเป็นทางทางศาสนา โดยว่ากันทางประชากรศาสตร์ อุปาทานหมู่เกิดมากในเพศเมีย และในหมู่ผู้ที่รับบริการทางการแพทย์บ่อย ๆ คือพวกที่รับประทานยาหรือใช้ยามาก ๆ เป็นต้น

อาการตื่นตระหนกทางใจ (moral panic) มีอาการแสดงคล้ายกับอุปาทานหมู่มาก

อย่าง ไรก็ตาม เจอโรม คลาร์ก (Jerome Clark) นักวิจัยเรื่องเหลือเชื่อและจานผี ชาวอเมริกัน กล่าวว่า อุปาทานหมู่เป็นคำอธิบายอันไร้มูลฐานเมื่อเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญไม่ อาจหาคำอธิบายได้สำหรับกรณ์อันยุ่งเหยิงหรือน่าตระหนกใจ<sup>(1)</sup>

ต่อจากนี้ไปจะเป็นตัวอย่างปรากฏการณ์อุปทานหมู่<sup>(2), (3)</sup>ที่มีชื่อเสียงครับ

Bloggang.com : Cryptomnesia - (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cryptomnesia&month=03-05-2009&group=2&gblog=3)