24 ชั่วโมง ควรตามหาความฝันกี่ชั่วโมง ตามหาเงินกี่ชั่วโมง

เมื่อครั้งผมเรียนหนังสือ ผมถูกสอนให้มองเรื่องการทำงาน คือ การหาเงินเพื่อดำรงชีวิตล้วนๆ สังคมที่ผมอยู่ไม่ได้สอนให้ผมละทิ้งความฝัน แต่ให้ผมคิดถึงเรื่องการทำงานและเรื่องเงินมากกว่า แต่ก็มีบางเรื่องที่ผมทำตามความฝัน ในช่วงที่ผมยังเป็นเด็ก นั่นก็คือ การเล่นกีฬา และการวาดการ์ตูนล้อเพื่อน แต่เมื่อโตขึ้น เวลาแห่งการตามหาความฝันของเรา อาจโดนตัดทอนลงไป จนบางครั้งเหลือเพียง 0 ชั่วโมงต่อวัน

เราเอาเวลามากมายไปหาเงิน ที่เราเชื่อว่าจะนำความสุขมาให้ มากกว่าเราทำตามความฝัน หรือ ความชอบ ที่เราไม่ได้เงิน แต่ได้ของขวัญทางใจ พี่โอมและพี่เอ็มแก่แล้ว มีเรื่องราวอยากจะบอกน้องๆมากมาย เรื่องการดำเนินชีวิต และการสนุกกับความฝันของตัวเอง แม้ว่า อาจจะไม่ได้เงินจากมัน แต่สิ่งที่ได้ เงินไม่สามารถให้เราได้อย่างแน่นอน เชื่อพี่เถอะครับ

พูดเรื่องนี้มันตอบย๊ากยากนะครับคุณโอม แน่นอนว่า ความฝันเป็นสิ่งที่ทุกคนพึงมี ควรมี หรือ ใช้คำว่า "ต้องมี" น่าจะเหมาะสมที่สุด เหมาะความฝันมันก็คือการที่เราพูดถึงเป้าหมายสูงสุดของชีวิตเรานั่นเอง แต่การจะแปลเปลี่ยนความฝันของเราให้เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีรายได้ด้วยในเวลาเดียวกัน หรือ การสร้างรายได้จากความฝันของเรานั้น ในโลกแห่งความเป็นจริงมันยากกว่าที่คุณโอมคิดเยอะครับ เพราะสิ่งที่ต้องย้ำให้เข้าใจกันเลยว่า "พื้นฐาน" ของแต่ละคนมันต่างกัน

สำหรับคนที่มีข้าวกิน มีบ้านอยู่ ไม่มีภาระ เขาสามารถที่จะต่อยอดด้วยการทำความฝันได้เลย หรือ ได้โดยง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่คนที่บ้านจน บ้านไม่มีอยู่ มีลูกมีเมีย มีแม่ที่ต้องเลี้ยงดู ถ้าความฝันของเขา คือ การเป็นนักวาดการ์ตูน แต่ตอนนี้วาดก็ยังไม่ดัง วาดก็ยังไม่ดี เขาจะทำอย่างไรครับ เขาจะวาดไปเรื่อยๆ จนเขาเก่งแล้วให้ลูกเมียพ่อแม่ อดตายเช่นนั้นหรือ "พื้นฐาน" และ "โอกาส" จึงเป็นตัวแปรที่สำคัญสู่การเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงไม่ใช่น้อย แต่ไม่ใช่ว่า คนจนหรือคนพื้นฐานต่ำจะอ้าง พื้นฐาน" และ "โอกาส" นำไปสู่ความฝันไม่ได้เลย แต่เขาเหล่านั้นต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด ความอดทนที่สูงยิ่ง การอดตาหลับขับตานอน ความเนิร์ดยิ่งกว่าเนิร์ดแบบทั่วไป น่าจะเรียกมันว่าความบ้ามากกว่า และ อาจจะต้องพึ่ง "ดวง" เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริงด้วย ดังนั้นหลายคนจริงมักจะบอกว่า เริ่มความฝันตอนเด็กดีกว่า ล้มไม่เจ็บ และ ตัวเรายังไม่มีภาระ ซึ่งนั่นก็จริงตามเหตุและผลของมัน

ดังนั้นตามประเด็นที่คุณโอมพูดมา การแบ่งพื้นที่ส่วนของความฝันให้เราได้ทำและฝันถึงมัน ให้แยกส่วนจากพื้นที่งานที่เราดำรงชีพจึงเป็นสิ่งที่ต้องคิด และ หากพื้นที่เวลาให้ความฝันมันน้อยลงไปทุกที ความฝันของเราก็คงจะหดหายไปพร้อมกัน ส่วนใครจะใช้เวลาเท่าไหร่นั้น คงต้องตามหากันเองครับ ถ้าเราตามหามัน เราจะเจอพื้นที่และเวลาที่เหมาะสมสำหรับสิ่งนั้นๆ อย่าลืมนะครับ คนเรามีเวลาเท่ากันจะใช้อย่างไรก็เท่านั้นเอง !!