งานวิจัยดีๆ เรื่องเทคนิคการปัสสาวะ(ฉี่) ของผู้ชาย ไม่ให้กระเด็น
 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline"><table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="304"><tbody><tr><td align="center" valign="Top" width="304">http://mpics.manager.co.th/pics/Imag...014540201.JPEG </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ระบบจำลองเพื่อศึกษาวิธีปัสสาวะที่ไม่กระเด็น </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">http://www.manager.co.th/images/blank.gif</td> </tr> </tbody></table> นี่อาจเป็นปัญหาส่วนตัวที่ แต่ละคนหาทางแก้ด้วยตัวเอง หรือบางคนอาจละเลย แต่สำหรับนักฟิสิกส์อย่างพวกเขากลับไม่เพิกเฉย และทำการศึกษาเพื่อให้ได้สูตรสำหรับวิธี ?ฉี่? ที่จะไม่กระเด็นกลับ และได้เคล็ดลับในการปล่อยเบาอย่างแม่นยำและถูกสุขอนามัยแก่ทั้งผู้หญิงและ ผู้ชาย

ทีมนักฟิสิกส์จากสหรัฐฯ ได้ศึกษาพลศาสตร์ของไหลในการ ?กระเด็นกลับ? ของปัสสาวะ โดยใช้กล้องความเร็วสูงเพื่อจับภาพ และบันทึกภาพเคลื่อนไหวขณะของเหลวพุ่งกระแทกผังโถสุขภัณฑ์ แล้วศึกษาละอองที่เกิดขึ้น ซึ่งบีบีซีนิวส์รายงานว่า พวกเขาได้พบเคล็ดลับในการปัสสาวะให้แม่นยำและถูกสุขอนามัย โดยพวกเขาจะนำเสนอผลการศึกษานี้ ในการประชุมวิชาการของสมาคมฟิสิกส์อเมริกัน

<center> </center>
ทั้งนี้ ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริกแฮมยัง (Brigham Young University) สหรัฐฯ ที่ศึกษาการกระเด็นกลับของปัสสาวะพบว่า เมื่อลำปัสสาวะอยู่ในระยะใกล้และมี ?มุมจู่โจม? แคบ จะมีการกระเด็นกลับต่ำ ซึ่งทีมวิจัยได้ศึกษาพลศาสตร์การกระเด็นในกระแสปัสสาวะจำลองของผู้ชาย โดยมีที่มาจากความเกรี้ยวกราดและการบ่นๆ ของมารดาพวกเขา รวมถึงสัมพันธภาพอันล้มเหลวกับผู้หญิงหลายๆ ครั้ง เนื่องจากปัญหาปัสสาวะกระเด็น

งานวิจัยนี้นำ ศ.แทดด์ ทรัสคอตต์ (Tadd Truscott) และ แรนดี เฮิร์ด (Randy Hurd) จากห้องปฏิบัติการสแปชแล็บ (Splash Lab) มหาวิทยาลัยบริกแฮม ทั้งคู่เรียกตัวเองว่าเป็น ?เด็กจอมแสบ?

ศ.ทรัสคอตต์ กล่าวว่า คนมักถามเขาว่าจริงจังเกินไปหรือเปล่า ซึ่งเขายอมรับและกล่าวว่า แม้ปัญหาดังกล่าวดูจะเป็นเรื่องขำขันของเด็กอายุ 12 ขวบ แต่ก็สร้างปัญหาอย่างยิ่ง เพราะเราล้วนอยู่ในห้องส้วมที่น่าสะอิดสะเอียนที่มีน้ำนองพื้น ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้น เป็นแหล่งอนุบาลของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจากการศึกษาล่าสุดพบว่า วารทำความสะอาดในห้องส้วมโรงพยาบาลนั้นทำให้ละอองแบคทีเรียก่อเพิ่มขึ้น อย่างชัดเจนได้จากการลดแรงตึงผิวของน้ำ

ทีมวิจัยต่อสายยางจำลองการขับถ่ายปัสสาวะทั้งแรงดันและความเร็ว แล้วบันทึกภาพกล้องความเร็วสูง ซึ่งจับภาพขณะปัสสาวะกระทบผืนน้ำ และให้รายละเอียดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งการกระเด็นกลับนั้นถูกทำให้เพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์ ความไม่เสถียรพลาโต-เรย์ลี (Plateau-Rayleigh instability) ซึ่งลำของเหลวที่ไหลลงจะแตกเป็นหยดน้ำ

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="304"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="304"> http://mpics.manager.co.th/pics/Imag...014540202.JPEG </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">มุมและความละมุนในการขับปัสสาวะมีผลต่อการควบคุมการกระเด็น </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">http://www.manager.co.th/images/blank.gif</td> </tr> </tbody></table> เฮิร์ดอธิบายว่า ลำปัสสาวะของผู้ชายจะแตกเป็นหยดเมื่อออกจากช่องทางปัสสาวะมาถึงระยะ 6-7 นิ้ว และเมื่อหยดน้ำกระทบโถปัสสาวะก็อยู่ในนูปหยดน้ำแล้ว และหยดน้ำเหล่านั้นก็คือตัวการที่ทำให้เกิดการกระเด็นเปรอะกางเกงของคุณ ผู้ชาย วิธีดีที่สุดคือพยายามเข้าใกล้โถปัสสาวะ ซึ่งจะลดความยุ่งเหยิงลงได้ แต่ก็มีข้อถกเถียงกันว่า ควรจะยืนหรือนั่งปัสสาวะ เพราะผู้ชายที่นั่งปัสสาวะมักถูกมองในแง่ไม่ดี

ทีมวิจัยจึงหาคำตอบว่าการนั่งปัสสาวะนั้นจะดีกว่าจริงหรือไม่ และรูปแบบการกระเด็นนั้นแตกต่างจากการยืนปัสสาวะอย่างไร จากนั้นพวกเขาก็ให้ไม้บบรทัดแก่เพื่อนเข้าไปวัดในห้องส้วม แล้วพบว่าความแตกต่างของระยะทางระหว่างการยืนกับการนั่งปัสสาวะถึง 5 เท่านั้น ทำให้เห็นความแตกต่างถึงความแร็วตกกระทำของหยดปัสสาวะอย่างชัดเจน ซึ่งภาพการตกกระทบลงน้ำในโถปัสสาวะถูกบันทึกไว้ด้วยวิดีโอบันทึกภาพความเร็ว สูง

เฮิร์ดกล่าวว่า หยดปัสสาวะทำให้เกิดโพรงขนาดใหญ่ในน้ำ จากนั้นก็ยุบลงซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการประเด็นมากขึ้น และดูเหมือนว่าการนั่งปสสาวะจะเป็นวิธีดีที่สุดในการเลี่ยงการกระเด็นอันไม่ พึงปรารถนาได้ และสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะนั่งหรือยืน คือ การปรับ ?มุมกระแทก? โดยให้ระวังการทำมุม 90 องศาหรือตั้งฉากกับผนังโถสุขภัณฑ์ และน้ำในโถสุขภัณฑ์ เพราะจะถูกสวนกระเด็นกลับมา การทำมุมแคบๆ จะช่วยได้มาก

ทางด้าน ศ.ทรัคอตต์ สนับสนุนว่าทั้งหญิงและชายต้องมีศิลปะในการทำมุมและหามุมที่เหมาะสมต่อ เคริ่งสุขภัณฑ์ที่เผชิญ ซึ่งการออกแบบส้วมสาธารณะหรือแม้แต่ในบ้านนั้นไม่ช่วยให้เราหามุมที่เหมาะสม ได้เต็มประสิทธิภาพนัก และพื้นผิวของโถที่เราปัสสาวะส่วนใหญ่จะเป็นพื้นผิวที่ชอบน้ำ ซึ่งน้ำที่กระจายลงพื้นผิวดังกล่าวทำให้เกิดแอ่งน้ำกระเด็นออก เขาเชื่อว่าการเคลือบสารชอบน้ำนั้นจะเป็นประโยชน์ที่ทำให้ส้วมมีสุขอนามัย มากขึ้น และยังมีประโยชน์สำคัญต่อโรงพยาบาล โรงเรียนและสถานที่ทำงาน

พร้อมกันนี้ ทีมบริกแฮมยังง่วนกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการค้าเพื่อลดการกระเด็นของ ปัสสาวะ ไม่ว่าจะเป็นการลองเติมเส้นใยลงโถสุขภัณฑ์ สร้างภาชนะรองรับปัสสาวะที่มีครีบสามเหลี่ยม หรือปรับความชันโถส้วม ซึ่งบางอย่างก็ให้ผลน่าทึ่ง แต่บางอย่างก็ไม่เป็นผลเลย แต่ทรัสคอตต์กล่าวว่า ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

?ที่ผมชอบมากที่สุดคือการวาดภาพแมลงวันบนผนังโถสุขภัณฑ์ ให้คุณไว้เล็งตำแหน่งยิงปัสสาวะ แต่แย่ตรงที่บางบริษัทวางตำแหน่งแมลงวันผิด? ทรัสคอตต์กล่าว แต่บอกว่าเคล็ดลับที่ง่ายที่สุดคือการวางกระดาษทิชชูในโถส้วมเพื่อลดการกระจายลง

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="Center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="624"> <tbody><tr> <td align="center" valign="Top" width="624"> http://mpics.manager.co.th/pics/Imag...014540203.JPEG </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แรนดี เฮิร์ด (ซ้าย) และ ศ.แทดด์ ทรัสคอตต์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">http://www.manager.co.th/images/blank.gif

</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>ขอบคุณ Manager.co.th