เว็บการ์ตูนหรอยกู

กลับไป   เว็บการ์ตูนหรอยกู > General Topic > การศึกษาและเรียนรู้ > วิธีและเทคนิค

ตอบ
อ่าน: 33760 - คำตอบ: 0  
LinkBack คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
เก่า 12-07-2013   #1
Moderator
 
อับดุล's Avatar
 
วันที่สมัคร: Jan 2013
ข้อความ: 173
ถ่ายทอดพลัง: 1
คะแนนหรอย: 34
Default วิธีแก้คุณไสยมนต์ดํา ท่องแล้วแก้ได้จริงหรือ คุณไสยมนต์ดํามีจริงหรือไม่

วันนี้จะพาอ่านสาระด้านมืดของ วิธีแก้คุณไสยมนต์ดํา ท่องแล้วแก้ได้จริงหรือ คุณไสยมนต์ดํามีจริงหรือไม่ หากถามว่าในยุคโลกาภิวัตน์นี้ยังจะมีวิชาอาคมอาถรรย์ต่าง ๆ เหลืออยู่อีกหรือ ขอบอกว่ามันอาจจะไม่เกี่ยวกับกาลเวลา และหากถามว่ามีจริงหรือ ขอตอบว่า แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล หากเราไม่เชื่อนั่นก็คือไม่มีสำหรับเรา แต่หากเราเชื่อนั่นก็คือมีสำหรับเรา ทุกสิ่งล้วนมากจากความเชื่อของตนเอง อย่างเช่น หากคุณเห็นตามงานสวดภาณยักษ์ มีคนร่ายรำ เต้นเป็นลิง เป็นค่าง เป็นพระนาราย มันก็อยู่ที่คุณจะเชื่อหรือไม่ว่าคนเหล่านั้นเป็นจริง ๆ เพราะสิ่งที่คุณเห็นนั้นคือ คน ธรรมดา ทำท่าทางผิดธรรมชาติ อากัปกิริยาเหมือนสัตว์บ้าง เหมือนคนเสียจริตบ้าง มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะเชื่อไหม



เผยเคล็ดลับ วิธีทำและวิธีแก้คุณไสย...มนต์ดำแห่งความตาย
คุณไสยเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ที่ว่าด้วยความตายและความโชคร้ายของฝ่ายตรงข้าม

ไม่มีใครรู้ว่า คุณไสยนั้นมีจริงหรือไม่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลองดีเช่นกัน

กล่าวกันว่า เรื่องราวของคุณไสยนั้นมีมานานแล้ว นับตั้งแต่โบราณกาล และมีอยู่ทั่วโลกไม่เฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณไสยต่าง ๆ ก็มีที่มาคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะของในเอเชีย และแอฟริกา

สำหรับคุณไสยของคนแอฟริกันนั้น เป็นพิธีการของลัทธิ " วูดู " ที่พวกหมอผีนิยมมาใช้เพื่อบังคับคนในเผ่าให้อยู่ในโอวาทหรือใช้วิชาไสยดำอันนี้ไปพิฆาตศัตรูที่อยู่ต่างเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้วิธีปั้นรูปขึ้นมา แล้วเอาเศษเสื้อผ้า ผม เล็บ หรือแม้แต่เลือด อย่างใดอย่างหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามใส่เข้าไปในหุ่น แล้วทำพิธีบวงสรวง ก่อนที่จะทำร้ายหุ่นด้วยการแทงลงไปบนส่วนต่าง ๆของร่างกาย หรือแม้แต่นำไปย่างไฟ ก็จะทำให้คนที่โดนคุณไสยได้รับความเจ็บปวดทุกขเวทนาแสนสาหัส

สำหรับคุณไสยในเอเชีย นั้น แพร่หลายในแถบลุมอินโดจีน ที่มีชื่อเสียงและหวาดกลัวกันมาก ก็คือ " คุณไสยของเขมร " และ " คุณไสยของมาเลเซีย " หรือคุณไสยมลายูที่เราเรียกันว่า " หมอแขก " นั่นเองมีผู้รู้ในเรื่องเกี่ยวกับคุณไสยกล่าวว่า คุณไสยของเขมรนั้นที่โด่งดังที่สุด ก็คือ เสกเนื้อหรือหนังควายเข้าไปอยู่ในท้อง ทำให้คนที่โดนคุณไสยรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก ในขณะที่คุณไสยมาเลเซีย จะครบเครื่องทั้งเรื่องหนังและกระดูก ไปจนถึงการบังคับวิญญาณผีที่ดุร้ายให้เข้าไปสิงอยู่ในร่างคน

อับดุล กาเซร์ ราฮิม หมอผีชาวปะลิส มาเลเซีย เคยกล่าวเอาไว้ในหนังสือฉบับหนึ่งว่า การทำคุณไสยในมาเลเซียนั้น ถ้าหากไม่โกรธแค้นกันอย่างจริงจังแล้ว มักจะไม่ทำกัน เพราะว่าเมื่อเสกของเข้าไปแล้วจะแก้ยาก อีกทั้งคนที่โดนคุณไสยส่วนใหญ่มักจะไม่รอด

ในขณะเดียวกัน อาจารย์ฟาติมะ มหารัตน์ หมอผีชื่อดังชาวไทยอีกคนหนึ่งซึ่งศึกษเรื่องเกี่ยวกับคุณไสยมลายูมาอย่างช่ำชอง จนได้ชื่อว่าเป็นหมอแขกเพียงหนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่มีลูกศิษย์ลูกหามากที่สุด ได้กล่าวถึงเรื่องราวของการทำคุณไสยเอาไว้ว่าคนที่โดนวิญญาณจากการทำคุณไสยของหมอผีชาวมาเลเซีย ถ้าหากโดนผีเข้าสิงก็จะมีนิสัยดุร้าย ชอบทำร้ายคนอื่นเหมือนกับคลุ้มคลั่ง บางทีก็ชอบกินเนื้อหรืออาหารสด ๆ คาว ๆ โดยเฉพาะเลือด
เนื่องจากว่าถ้าหากไม่กินของเหล่านี้เข้าไป วิญญาณที่สิงอยู่ในกายก็จะกินตับไตของตัวเองแทน จนโทรมและเน่าตายไปในที่สุด

ส่วนคุณไสยในประเทศไทยนั้น แบ่งออกเป็นหลายเพราะได้รับอิทธิมาจากต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากหมอผีไทยไม่ใคร่นิยมทำของกันมากนักนอกจากเล่นวิชาผีบังคับวิญญาณอย่างเดียว


วิชาคุณไสยที่แพร่หลายอยู่ในหมอผีชาวไทยและได้รับความเชื่อเรียกใช้มากที่สุด จะเป็นคุณไสยสายที่ได้รับอิทธพล มาจากเขมร เนื่องจากคุณไสยสายนี้มีทั้งดีและทั้งร้าย ไม่เหมือนคุณไสยของมาเลเซีย กับ อินโดนีเซียที่ส่วนมากจะเล่นกันถึงตาย และมีไว้สำหรับฆ่าคนเท่านั้นแต่คุณไสยของเขมรซึ่งแพร่หลายเข้ามาทางกลุ่มของชาวส่วย ที่มีอาชีพเลี้ยงช้างในจังหวัดสุรินทร์นั้น แบ่งแยกออกอีกหลายวิชา ไม่ว่าจะทำให้คนบ้า หรือว่าฝังรูป ฝังรอย ทำให้คนรักคนหลง หรือแม้แต่ทำให้ผัวเมียแตกแยกเลิกร้างกัน ดังนั้นจึงทำให้คุณไสยสายนี้ได้รับความนิยมและมีคนเรียกใช้แพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย

กล่าวกันว่า บรรดาผู้ที่ร่ำเรียนวิชาคุณไสยนั้น จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษไม่เหมือนกับผู้อื่น กล่าวคือ สมาธิจะต้องแน่วแน่ มีพลังจิตสูง

" พวกที่เล่นไสยศาตร์จะต้องนั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง ตอนเช้ากับหลังจากตื่นนอน หรือเมื่อพิธีใหญ่ ๆ ก็อาจจะต้องเพิ่มรอบมิดเดย์ มิดไนท์ และต้องถือศีลอย่างเคร่งครัด "อนัตตา นักเขียนผู้ร่ำเรียวิชาทางด้านวิทยาศาตร์ แต่หันมาสนใจเกี่ยวกับไสยศาสตร์ ลงทุนหาข้อมูลมาเปรียบเทียบกันกล่าวเอาไว้ในนิตยสารฉบับหนึ่ง โดยแยกแยะเอาไว้อีกว่า ไสยศาตร์นั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ " ไสยดำ " กับ " ไสยขาว "

คนที่เรียน " ไสยดำ " มานั้นส่วนใหญ่จะเอาวิชาที่ร่ำเรียนมาใช้พิฆาตฝ่ายตรงข้ามและทำตนเป็นคนนอกศาสนา ไม่นับถือสิ่งใดนอกจากครูผู้ประสิทธิ์วิชาให้ คนพวกนี้มีทั้งวิชาที่จะเล่นงานเขาและแก้คุณไสยด้วยตัวเอง

ในขณะเดียวกัน คนที่เล่นคุณไสยประเภท " ไสยขาว " ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้กำลังสำหรับแก้ไสยดำนั้น จะเป็นผู้ที่ถือศีลอย่างเคร่งครัดและไม่นิยมเสกของไปเล่นงานใคร นอกจากส่งของนั้นกลับไปให้เจ้าของเดิมผู้ที่ส่งมา ด้วยเกรงว่าถ้าหากใช้อวิชชา ไปเล่นงานเขาแล้ว วิชาของตัวเองจะเสื่อมความแตกต่างของผู้ที่เล่นวิชาไสยศาสตร์ 2 แขนงนี้ ก็คือ คนที่เล่นไสยดำจะหน้าตาหมองคล้ำ ไม่มีราศี ผิดกับผู้ที่เล่นวิชา ไสยขาว สำหรับแก้คุณ ซึ่งหน้าตาอิ่มเอิบ ผ่องใส เพราะไม่มีจิตใจไปหมกมุ่นในอวิชชา อีกทั้งต้องทำบุญทำทาน อุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณร้ายที่ไล่ออกไปจากคนที่ถูกไสยดำเล่นงานอยู่เสมอ

คนที่มีวิชาไสยดำ และ มีวิชาอาคมแก่กล้า กล่าวกันว่าจะมีสีหน้าที่ดำเป็นแถบ ๆ พูดจาเลอะเลือน ไม่ค่อยรู้เรื่อง จนถึงขั้นคล้ายกับวิกลจริตในที่สุด


" คนพวกนี้จะต้องปล่อยของทุกวันพระใครที่ไม่ปล่อยออกจากตัว เก็บสะสมเอาไว้นอกจากเอาไปชิงโชคที่ไหนไม่ได้แล้วอาจจะทำให้เป็นผีปอบได้ " ฟาติมะ มหารัตน์ หมอผีชื่อดังสายมลายูบอกดังนั้น พวกไสยดำทั้งหลาย จึงจำเป็นที่จะต้องปล่อยของไปตามลมเพลมพัด เพื่อขจัดสิ่งที่เกินอำนาจการควบคุมของตนเอง ออกไป เพราะฉะนั้นใครที่เดินอยู่ดี ๆ และ ถึงทีคราวซวยไปรับเอาของที่หมอผีปล่อยมา ก็ต้องมาหาวิธีแก้กันต่อไป

ว่ากันว่าของที่ปล่อยออกไปนั้น อยู่นอกเหนืออำนาจของหมอผีที่จะควบคุมได้ เนื่องจากคุณไสยเหล่านี้มีพลังที่กล้าแกร่งมาก ถึงขนาดถ้าปะทะกิ่งไม้ ก็จะหักเป็นทาง หล่นบนหลังคาบ้านใครก็จะได้ยินเสียงโครมคราม

ดังนั้น ผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยโบราณถึงได้ห้ามนักห้ามหนาว่าอย่าร้องทัก ถ้าหากได้ยินเสียงประหลาดต่าง ๆ เพราะจะทำให้ของที่ปล่อยมาเข้าตัวได้ง่าย

ข้อสำคัญคืออย่าตกใจ ทำจิตให้สงบ เพราะคนที่โดนคุณไสยเล่นงานนั้น ส่วนมากจะเป็นคนที่ดวงตก หรือไม่ก็ถึงคราวที่กรรมเก่าตามสนองเท่านั้นซึ่งสำหรับข้อนี้ มีวิธีแก้เคล็ดที่นิยมทำกันมากในสมัยสุโขทัย คือ

" ให้ปั้นรูปปั้นของผู้เคราะห์ร้ายหรือใครที่ดวงตก เป็นตุ๊กตา ตัวเล็ก ๆ แล้วนำไปทุบหัวทิ้งตามทางสามแพร่งในเวลาโพล้เพล้ เพื่อให้ต๊กตารับเคราะห์แทน หรือแม้แต่เวลาผู้หญิงคนไหนจะคลอดลูก ในสมัยนั้นก็จะปั้นตุ๊กตารูปผู้หญิงอุ้มลูกไปทุบหัวทิ้งเช่นกัน "คุณไสยในเมืองไทยเท่าที่ทราบมานั้นสามารถแบ่งออกไป 2 ชนิด คือ การทำเสน่ห์ และ การทำร้ายชีวิตของผู้อื่น

อย่างแรกหมายถึงทำให้ใครก็ได้หลงรักจนหัวปักหัวปำ ซึ่งในประเภทนี้จะไม่ค่อยเป็นอันตรายเท่าใดนัก เนื่องจากผู้ที่ต้องการทำของทำลงไปด้วยความรัก ไม่ได้ต้องการให้ถึงแก่ชีวิตผิดกับอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งจะต้องตายหรือไม่ก็พินาศกันไปข้างหนึ่ง

สำหรับการทำเสน่ห์ให้หลงรักนี้ แบ่งออกได้ 2 วิธี

คือ 1. การฝังรูปฝังรอย 2. การทำเสน่ห์ยาแฝด

การฝังรูปฝังรอย นั้นเป็นกรรมวิธีที่ทำกันมาตั้งแต่โบราณโดยการปั้นหุ่นขึ้นมา 2 ตัว เป็นผู้หญิง กับ ผู้ชาย โดยใช้ดินจากเจ็ดป่า มาผสมกัน การฝังรูปฝังรอยที่จะทำให้ผู้หญิงกับผู้ชายรักกันนั้น เขาจะปั้นรูปเรียบร้อยตามวิธีการแล้วจะเอาหุ่น 2 ตัวหันหน้าชนกัน.............................................................................( ขออนุญาติ ไม่ลงรายละเอียด เพราะเปรียบเหมือนดาบ 2 คม )

ในทางกลับกัน ถ้าหากอยากให้ผัวเมียคู่นั้นเลิกร้างกันไป นำหุ่นนั้นมาประกบ โดยหันหลังให้กัน

ซึ่งในการปั้นหุ่นเสกคุณไสยนี้ สามารถที่จะทำให้คนที่โดนของคลุ้มคลั่งถึงกับเป็นบ้าได้การทำเสน่ห์เล่ห์กลอีกอย่างหนึ่ง เพื่อที่จะให้ผู้หญิงกับผู้ชายรักกัน ก็คือ การทำเสน่ห์ยาแฝด ด้วยการใช้น้ำมันพรายไปป้ายตามเนื้อตัวของฝ่ายตรงข้าม แต่ในปัจจุบัน นี้การใช้น้ำมันพรายไม่ใคร่นิยมกันมากนัก เนื่องจากเป็นวิธีง่าย ๆ และแก้ได้ไม่ยากนัก เพราะติดอยู่ที่ผิวหนังเมื่อรดน้ำมนต์หลาย ๆครั้ง ก็จะสามารถแก้ได้ในที่สุด

ที่สำคัญเดี๋ยวนี้หมอผีไม่สามารถที่จะหาน้ำมันพรายมาปลุกเสกได้ง่าย ๆ อย่างแต่ก่อน เพราะปัจจุบันนี้ชาวบ้านนิยมเผาศพเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้นำศพ ไปฝังในป่าช้าอย่างที่แล้วมา ทำให้ไม่สามารถ ลนน้ำมันพรายได้ นอกจากน้ำเหลืองศพแต่ถึงอย่างไรก็ตาม กรรมวิธีอีกอย่างหนึ่งของการใช้เสน่ห์ ยาแฝด ก็ยังคงอยู่ไม่เสื่อมหายไปไหน นั่นก็คือการใช้ผงกระดูกผีมาเรียกวิญญาณเข้าสิง หรือใช้.....กับ.......มาผสมและปลุกเสกเข้าด้วยกัน แล้วนำของเหล่านั้นไปให้ฝ่ายตรงข้ามรับประทาน

ซึ่งว่ากันว่า กรรมวิธีนี้เป็นการควบคุมวิญญาณ ที่โหดเหี้ยมที่สุดซึ่งส่วนใหญ่เมื่อคุณไสยถูกแก้กลับไป ผู้ที่โดนของประเภทนี้มักมีอาการเศร้าซึมและสติเลอะเลือนไปชั่วชีวิต เนื่องจากจิตที่ปกตินั้นถูกควบคุมนานเกินไป

ที่มา




อับดุล is offline   ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

Tags
คุณไสยมนต์ดํามีจริงหรือไม่, ท่องแล้วแก้ได้จริงหรือ, วิธีแก้คุณไสยมนต์ดํา
คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is ใช้ได้
Trackbacks are ใช้ได้
Pingbacks are ใช้ได้
Refbacks are ใช้ได้



ออกจากระบบ | RoiGOo เว็บการ์ตูนหรอยกู | เอกสาร | ไปบนสุด

vBulletin รุ่น 3.8.7
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด