M150
19-10-2013, 07:10
หนึ่งในปัจจัยแห่งการเขียนการ์ตูนให้ฮา คงฝากความหวังไว้ที่การหักมุมระดับหนึ่งกันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการหักมุมในเรื่องหลัก หรือ แม้กระทั่งการหักมุมในเรื่องรองก็ความสำคัญไม่แพ้กัน วันนี้พี่เอ็มอ่านบทความในเด็กดี แล้วเจอข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ จาก นักเขียนหนังสือแนวสยองขวัญนาม ภาคินัย (ในเด็กดีบรรยายไว้ว่าเป็น เจ้าของผลงานนิยายแนวสยองขวัญที่สร้างความสั่นประสาทขนลุกให้กับผู้อ่านมาแล้วมากมาย อาทิ นางชฎา , The shoesรองเท้าอาถรรพ์ , Lift ลิฟต์ซ่อนศพ ฯลฯ )
ภาคินัย เล่าให้ฟังว่า การเขียนหักมุมนับว่าเป็นงานเขียนที่ยากมากประเภทหนึ่ง มันยากกว่านิยายรักถึงสองเท่าตัว ความยากของการเขียนบทหักมุมอยู่ที่ เราต้องคิดค้นหาวิธีแปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง การปูเรื่องให้คนอ่านเดาทางผิด คล้ายเป็นตำรวจจราจรที่ขับรถนำหน้าขบวนไปอย่างเอื่อยเชื่อยเพื่อให้รถคันอื่นขับตาม แต่อยู่ๆ ก็วกรถกลับแล้วบอกว่า มาทางผิด
http://board.roigoo.com/members/m150-albums-pics-picture5594-shoes-รองเท้าอาถรรพ์.jpg
(http://board.roigoo.com/members/m150-albums-pics-picture5594-shoes-รองเท้าอาถรรพ์.html)
สองคือ เราจะทำยังไงให้คนอ่านเดาตอนจบของเรื่องไม่ได้ เพราะถ้าเดาได้นั้นเสน่ห์ของนิยายหักมุมจะหมดไปในทันที วิธีการเขียนนั้นไม่มีการกำหนดแน่ชัด แต่สำหรับผมแล้ว ให้เราลองเอาตัวเองแทนคนอ่าน พยายามจับผิดตัวเองว่ามีช่องโหว่ตรงไหน แอบทิ้งระเบิดไว้อย่างไร แล้วตอนจบให้กลับไปกู้ระเบิดที่วางไว้ แต่ต้องกู้ระเบิดคนละลูกกับที่เราสงสัย ให้คนอ่านมัวแต่เพ่งประเด็นไปที่ระเบิดลูกนั้น แต่พอเผลอระเบิดอีกลูกที่ไม่มีใครสนใจก็ระเบิดตู้ม นั่นแหละ เสน่ห์ของนิยายหักมุม
แม้ว่า ภาคินัย จะอธิบายไว้สั้นๆ แต่ก็ถือว่าเป็น การกระตุ้นให้พี่เอ็มหวนนึกถึงกลิ่นอายการ์ตูนในแบบที่พี่เอ็มชอบ ก่อนหน้านี้พี่เอ็มมักทุ่มพลังไปในการหักมุม คือ เขียนการ์ตูนและฝากชีวิตความฮาไว้กับการหักมุมในตอนท้าย ซึ่งในบางครั้งระดับของความฮามันไม่ได้มีพลังมากมายขนาดที่ว่าจะทำให้คนฮาก๊าก และ เมื่อไม่มีมุขรายทางเพียงพอแล้ว การ์ตูนตอนนั้นจึงอาจจะไม่ได้ประทับใจอะไรนัก หลังๆ พี่เอ็มก็ลดระดับความฝากชีวิตไว้กับมุขหักมุมในตอนท้ายไปเสีย ซึ่งแน่นอนว่า มันอาจจะขาดกลิ่นอายของตัวตนไป จริงอยู่ครับ การคิดบทหักมุมมันยาก แต่ถ้าคิดมาดีพอ ปูเรืองดี ชงดี ตบดี มันคุ้มค่าแน่นอน และ หากทำได้ดี เชื่อได้เลยว่า การ์ตูนตอนนั้น จะเป็นที่จดจำของคนอ่านอย่างแน่นอน
ภาคินัย เล่าให้ฟังว่า การเขียนหักมุมนับว่าเป็นงานเขียนที่ยากมากประเภทหนึ่ง มันยากกว่านิยายรักถึงสองเท่าตัว ความยากของการเขียนบทหักมุมอยู่ที่ เราต้องคิดค้นหาวิธีแปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง การปูเรื่องให้คนอ่านเดาทางผิด คล้ายเป็นตำรวจจราจรที่ขับรถนำหน้าขบวนไปอย่างเอื่อยเชื่อยเพื่อให้รถคันอื่นขับตาม แต่อยู่ๆ ก็วกรถกลับแล้วบอกว่า มาทางผิด
http://board.roigoo.com/members/m150-albums-pics-picture5594-shoes-รองเท้าอาถรรพ์.jpg
(http://board.roigoo.com/members/m150-albums-pics-picture5594-shoes-รองเท้าอาถรรพ์.html)
สองคือ เราจะทำยังไงให้คนอ่านเดาตอนจบของเรื่องไม่ได้ เพราะถ้าเดาได้นั้นเสน่ห์ของนิยายหักมุมจะหมดไปในทันที วิธีการเขียนนั้นไม่มีการกำหนดแน่ชัด แต่สำหรับผมแล้ว ให้เราลองเอาตัวเองแทนคนอ่าน พยายามจับผิดตัวเองว่ามีช่องโหว่ตรงไหน แอบทิ้งระเบิดไว้อย่างไร แล้วตอนจบให้กลับไปกู้ระเบิดที่วางไว้ แต่ต้องกู้ระเบิดคนละลูกกับที่เราสงสัย ให้คนอ่านมัวแต่เพ่งประเด็นไปที่ระเบิดลูกนั้น แต่พอเผลอระเบิดอีกลูกที่ไม่มีใครสนใจก็ระเบิดตู้ม นั่นแหละ เสน่ห์ของนิยายหักมุม
แม้ว่า ภาคินัย จะอธิบายไว้สั้นๆ แต่ก็ถือว่าเป็น การกระตุ้นให้พี่เอ็มหวนนึกถึงกลิ่นอายการ์ตูนในแบบที่พี่เอ็มชอบ ก่อนหน้านี้พี่เอ็มมักทุ่มพลังไปในการหักมุม คือ เขียนการ์ตูนและฝากชีวิตความฮาไว้กับการหักมุมในตอนท้าย ซึ่งในบางครั้งระดับของความฮามันไม่ได้มีพลังมากมายขนาดที่ว่าจะทำให้คนฮาก๊าก และ เมื่อไม่มีมุขรายทางเพียงพอแล้ว การ์ตูนตอนนั้นจึงอาจจะไม่ได้ประทับใจอะไรนัก หลังๆ พี่เอ็มก็ลดระดับความฝากชีวิตไว้กับมุขหักมุมในตอนท้ายไปเสีย ซึ่งแน่นอนว่า มันอาจจะขาดกลิ่นอายของตัวตนไป จริงอยู่ครับ การคิดบทหักมุมมันยาก แต่ถ้าคิดมาดีพอ ปูเรืองดี ชงดี ตบดี มันคุ้มค่าแน่นอน และ หากทำได้ดี เชื่อได้เลยว่า การ์ตูนตอนนั้น จะเป็นที่จดจำของคนอ่านอย่างแน่นอน