เว็บการ์ตูนหรอยกู

กลับไป   เว็บการ์ตูนหรอยกู > RoiGOo City > หรอยกูคาเฟ่

ตอบ
อ่าน: 2651 - คำตอบ: 1  
LinkBack คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
เก่า 21-07-2013   #1
Senior Member
 
bankbcool's Avatar
 
วันที่สมัคร: Aug 2011
ข้อความ: 569
ถ่ายทอดพลัง: 854
คะแนนหรอย: 677
Default น้ำตาแสงไต้



นวล...เจ้าพี่เอย.......................... นวล...เจ้าพี่เอย...............................
นวล...เจ้าพี่เอย คำน้อง...เอ่ยล้ำคร่ำครวญ
ถ้อยคำ...เหมือนจะชวน ใจพี่หวน....ครวญคร่ำอาลัย
น้ำตา...อาบแก้ม เพียงแซม...เพชรไสว
แวววับ...จับหัวใจ เคล้าแสงไต้....งามจับตา

*นวล...แสงเพชร เกล็ดแก้ว...อันล้ำค่า
ครา...เมื่อแสงไฟส่องมา....แวววาวชวนชื่นชม........
น้ำตา...แสงไต้ ดื่มใจ...พี่ร้าวระบม
ไม่อยาก...พรากขวัญภิรมย์ จำใจข่ม...ใจไปจากนวล
นวล...เจ้าพี่เอย.......................... นวล...เจ้าพี่เอย...............................
(*)



น้ำตาแสงไต้ หมายความว่าอะไร?

เป็นเพลงจากเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์"ครับ.. เพลงนี้จะกล่าวถึงฉากหนึ่งในบ้านทรงไทยสมัยอยุธยา ซึ่งไม่มีไฟฟ้า แต่มีแสงไต้(คือคบไฟ ที่คนสมัยก่อนเสียบไว้ตามเสาบ้านเพื่อให้แสงสว่าง)


พันท้ายนรสิงห์ กำลังจะสั่งลา นวล คนรักของเขา ลองนึกภาพนะครับ พันท้ายปลอบนวลว่าไม่ต้องเสียใจ พี่ทำตามหน้าที่ของทหารที่ดี ตามองมาที่หน้าของแม่นวล ที่มีน้ำตาซึมออกมาทั้งสองตา ไหลลงมาอาบแก้ม เมื่อน้ำตากระทบกับแสงของไต้แล้ว ผมว่ามันกินใจมากๆเลยนะคับ ... ไม่อยาก พรากขวัญภิรมย์ จำ ใจ ข่ม ใจ ไป จาก นวล... อ่านข้างต้นแล้ว กลับไปฟังอีกครั้ง คุณจะฟังเพลงนี้เพราะกว่าเดิมมาก เพลงนี้ มี วิญญาณ นะคับ


ความจริงเพลงนี้เป็นเพลงนำในละครเวทีเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" ของคณะศิวารมณ์ ซึ่งเล่นกันเมื่ิอปี 2487 เข้าใจว่าเล่นกันที่ศาลาเฉลิมกรุง ที่มาของเพลงนั้นเป็นที่เลื่องลือในความอัศจรรย์ เพราะ ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร์ คนแต่งเพลงซึ่งตอนนั้นเป็นนักเปียโนคอยต่อเพลงให้กับนักแสดงนั้นยังเป็นหนุ่มอยู่มาก ว่ากันว่าปัญหาหนักอกของละครเพลงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนักแสดง หรือ การแสดง แต่อยู่ที่เพลงนำของเรื่องซึ่งมีการลองแต่งมาแล้วแต่ยังไม่ถูกใจ เพราะ เนื้อเรื่องนั้นย้อนยุคกลับไปยังสมัย พระเจ้าเสือ ซึ่งก็นับว่าเป็นอยุธยาช่วงปลายๆแล้วครับ

เมื่อท้องเรื่องเป็นแบบนั้นท่วงทำนองก็ต้องเพลงไทยเดิมใช่มั้ยครับ ทีนี้ทางคณะละครเขาก็เลยต้องการให้เสียงออกไปในทำนองโบราณหน่อย ก็มีการยกเอาเขมรไทรโยค กับ ลาวครวญมาตั้งเป็นโจทย์ ว่าผู้กำกับเขาอยากจะได้เพลงในลีลาแบบนี้แต่หวานเศร้าและไม่เชย

ครูแจ๋วเล่าเรื่องนี้ไว้ใน "เบื้องหลังเพลงรัก สง่า อารัมภีร์ " ว่า วันนั้นท่านเมากลับมานอนที่เฉลิมกรุง นอนหลับไปได้ไม่นานก็เห็นคน ๔ คน เป็นผู้หญิงหนึ่งและผู้ชายอีกสาม ผู้ชายคนแรกได้เล่นเปียโนเพลง "เขมรไทรโยค" ให้อีกสามคนฟัง พอเล่นจบ ผู้หญิงก็เล่นเปียโนเพลง "ลาวครวญ" บ้าง ต่อจากนั้นชายคนที่สองก็ลงมือเล่นเปียโนด้วยการเอาเพลงทั้งสองมาผสมผสานกัน จนเกิดเป็นเพลงใหม่ที่ไพเราะอย่างยิ่ง ส่วนชายคนที่สามยืนฟังเสียงเพลงด้วยความพอใจ ครูแจ๋วได้ยินเพลงนี้ขึ้นมาก็เลยจำไว้ในหัวทันที...

เผลอแพล็บเดียวท่านก็ตื่นขึ้นมา ถึงรู้ว่าฝันไป แต่ทำนองในความฝันนั้นไม่ได้หายแว็บไปด้วย พอบ่ายวันรุ่งขึ้นท่านก็เอาทำนองที่ชาย ๔ คนร่วมประพันธ์ในฝันนั่นแหล่ะครับมาเล่นให้คนในคณะแสดงฟัง ปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจอย่างยิ่ง พอเอาเนื้อใส่เสร็จปุ๊ปก็สำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างและเป็นเพลงอมตะเพลงนี้ทันที

เนื่องจากนางเอกของเรื่องชื่อนวล ซึ่งก็คือเมียของพันท้ายนรสิงห์ชื่อคุณนวล เพลงท่อนแรกที่แต่งจากความฝันก็เลยต้องเริ่มต้นด้วยคำว่านวล เขาขึ้นอย่างงี้ครับ


เพลงนี้เศร้าแล้วก็ไพเราะมาก เพราะ คุณนวลเธอฝันร้ายก่อน ประมาณว่าไม่เห็นเงาหัวของสามีในฝันหรือไงนี่แหล่ะครับ พอเห็นเธอก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องร้ายกับสามีแน่ แต่บังเอิญเป็นอาญาหลวงที่จะต้องให้พันท้ายไปคัดท้ายให้เรือพระเจ้าเสือ คุณพระเอกของเราขัดคำสั่งของเหนือหัวไม่ได้ ก็ต้องไปตามหน้าที่ และต้องตายตามหน้าที่ให้เกียรติและความศักดิ์สิทธิ์ของกฏระเบียบแห่งวังยังมีอยู่

ความจริงเรื่องมันซับซ้อนกว่านี้ ประมาณว่ามีคนคิดกบถอยู่ นายท้ายอย่างพันท้ายซึ่งเก่งมาก พยายามชะลอเรือไม่ให้ไปตามกำหนดที่เหล่าเพชฌฆาตดักรออยู่ แกก็เลยแถเรือให้หัวเรือชนตลิ่งจนหัวเรือหักเสียอย่างงั้น คือช่วยชีวิตพระเจ้าเสือได้ แต่ตัวต้องรับอาญาฐานทำเรือหัก

ขอเสริมอีกสักนิดนะคือก่อนที่ลุงแจ๋วหรือคุณครูสง่า อารัมภีร์ จะเมาแล้วกลับมานอนที่ศาลาเฉลิมกรุงนั้น ท่านได้ดื่มเหล้ากับเพื่อนท่านที่ชื่อว่าคุณลุงทองอินทร์ บุญญเสนา แต่รุ่นน้องมักเรียกท่านว่าน้าผี แต่นามแผงของท่านคือ เวทางค์ ท่านผู้นี้เป็นผู้จุดประกายให้แก่ครูแจ๋ว ที่มาปรึกษาว่า คุณครูมารุต และคุณครูเนรมิต ผู้กำกับละครเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งในครั้งแรกนั้นผู้แสดงเป็นพันท้ายนรสิงห์คือ คุณสุรสิทธ์ สัตยวค์ ต้องการเพลงปิดฉากละครที่เพลงไทยแท้ที่มีท่วงทำนองหวานเย็นและเศร้า ซึ่งคุณทองอินทร์ ว่ามีสองเพลงเท่านั้นที่แกชอบคือ เพลงเขมรไทรโยค และเพลงลาวครวญ ซึ่งนัยว่าครูสง่าคงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้จนเก็บไปฝันว่าคนทั้ง ๔ ได้นำเพลงทั้งสองมารวมกัน และเล่นให้ครูฟัง และนำแต่งเป็นเพลงได้ในวันรุ่งขึ้น...นั่นเองด้วยประการชะนี้แล...


หมายเหตุ (ลอกมาจาก View Board - Pause Fanclub)

เพิ่มเติมจากหนังสือ "รวมเพลงเอก ของ สง่า อารัมภีร์ "

ครูแจ๋ว หรือ สง่า อารัมภีร ได้เขียนไว้เกี่ยวกับเพลงน้ำตาแสงไต้ว่า

"ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำว่าวันนั้น ในราวเดือนพฤศจิกายน ๒๕๘๘ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ ๗ ปีแล้ว "ศิวารมณ์" กำลังซ้อมละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์อยู่ที่ห้องเล็กเฉลิมกรุง ดูเหมือนจะเข้าโปรแกรมในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน เราซ้อมกันอย่างหนักทุกวัน เพราะเวลานั้นเป็นสมัยที่เริ่มงานกันใหม่ ๆ หรือจะเรียกว่ากำลังฟิตก็ได้ สมัยนั้นเป็นสมัยที่ทุก ๆ คนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นดารากำลังก้าวขึ้นสู่ความนิยมของประชาชน สุรสิทธิ์, จอก, สมพงษ์ และทุก ๆ คนมาซ้อมตั้งแต่เช้าจนเย็นทุกวัน (ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้เลย เช้าไม่มา เย็นไม่มา ไม่รู้ไปไหนกันแฮะ) เนรมิต มารุต สมัยนั้นเข้าคู่กันคร่ำเครียดกับบทและวางแคแร็คเตอร์ตัวละครกันเป็นการใหญ่ นาฏศิลป์ก็ซ้อมกันไป เต้นกันไป นักร้องก็ร้องกันไป เสียงแซ่ดไปหมดบนห้องเล็กเฉลิมกรุง ตั้งแต่ ๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. ทุกวัน
ตอนนั้นข้าพเจ้ามีหน้าที่แต่เพียงดีดเปียนโนสำหรับให้นาฏศิลป์เขาซ้อม และต่อเพลงให้กับนักร้องเท่านั้น ผู้แต่งเพลงให้ศิวารมณ์สมัยนั้นคือ ประกิจ วาทยากร และ โพธิ ชูประดิษฐ์ ข้าพเจ้าเพิ่งเป็นนักดนตรีใหม่ ๆ ยังไม่ถึงปีเลย เพลงก็ยังแต่งกับเขาไม่เป็น และยังไม่เคยคิดเลยว่าจะแต่งกับเขาได้ยังไง ได้แต่ดูเขาแต่งกันเท่านั้น วันหนึ่ง ๆ ก็ได้แต่ดีดเปียนโนจนเมื่อยนิ้วไปหมด
เหลือเวลาอีก ๕ วัน ละครก็จะแสดงแล้ว ปรากฏว่าเพลงเอกของเรื่องคือเพลง "น้ำตาแสงไต้" ทำนองยังไม่เสร็จ ทั้งคุณประกิจและคุณโพธิแต่งส่งมาคนละเพลงสองเพลง ก็ยังไม่เป็นที่พอใจแก่เจ้าของเรื่องและผู้กำกับ ทั้งเจ้าของเรื่องและผู้กำกับต้องการจะให้เป็นเพลงที่มีสำเนียงเป็นไทยแท้ มีรสวิญญาณไปในทาง "หวานเย็นและเศร้า" เพลงของคุณประกิจที่ส่งมามีสำเนียงกระเดียดไปทางฝรั่ง ของคุณโพธิก็ไปกลาง ๆ คือครึ่งไทยครึ่งฝรั่ง ล่วงมาอีกหนึ่งวัน ทำนอง "น้ำตาแสงไต้" ก็ยังไม่เสร็จ เจ้าของเรื่องผู้กำกับตลอดจนผู้ร่วมงานต่างก็อึดอัดไปตาม ๆ กัน
เย็นนั้นเมื่อเลิกการซ้อมแล้ว ข้าพเจ้าก็พลอยอึดอัดและกลุ้มใจไปกับเขาด้วย ในเมื่อด้านอื่นเขาเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว ยังอยู่เพลง "น้ำตาแสงไต้" เพลงเดียวเท่านั้น และใครก็รับรองไม่ได้ด้วยว่าเมื่อคุณประกิจและคุณโพธิแต่งมาอีกจะเป็นที่พอใจแก่เจ้าของเรื่องและผู้กำกับหรือไม่ เมื่อถึงเวลาภารโรงมาปิดห้องซ้อม ข้าพเจ้าก็ลงมาเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าเฉลิมกรุง ไม่รู้จะไปไหนดีดี มันงงไปหมด"


สำหรับเรื่องที่ครูแจ๋วเขียนถึงที่มาของเพลง "น้ำตาแสงไต้" ยังมีต่ออีก ๑๐ กว่าหน้า น่าสนใจมาก ๆ ครับ



ครูแจ๋ว หรือ สง่า อารัมภีร์




ละครเวที พันท้ายนรสิงห์
บทพระนิพนธ์ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภานุพันธ์ ยุคล
นำแสดงโดย
ศรัญญู วงศ์กระจ่าง
พิศาล อัครเศรณี
และ นาถยาแดงบุหงา




รูปขนาดเล็ก
น้ำตาแสงใต้.gif   สง่า-อารัมภีร.jpg  
__________________
bankbcool is offline   ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
เก่า 21-07-2013   #2
Administrator
 
ohmohm's Avatar
 
วันที่สมัคร: Aug 2011
ข้อความ: 5,162
บล็อก: 182
ถ่ายทอดพลัง: 4,245
คะแนนหรอย: 2,838
Default

อาจจะไม่รู้จักเพลง แต่รู้จักดาราอย่างที่ตั้ว ศรัญญู วงกระจ่าง ผมว่าแกเป็นคนที่เล่นไหนอันดับต้นๆของประเทศเลยละครับ

__________________
ผมรักเว็บการ์ตูนหรอยกูที่สุดในโลก
ohmohm is offline   ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ

Tags
bankbcool, น้ำตาแสงไต้, พันท้ายนรสิงห์
คำสั่งเพิ่มเติม
เรียบเรียงคำตอบ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is ใช้ได้
Trackbacks are ใช้ได้
Pingbacks are ใช้ได้
Refbacks are ใช้ได้



ออกจากระบบ | RoiGOo เว็บการ์ตูนหรอยกู | เอกสาร | ไปบนสุด

vBulletin รุ่น 3.8.7
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด