21-07-2013 | #1 | ||
Senior Member วันที่สมัคร: Aug 2011
ข้อความ: 569
ถ่ายทอดพลัง: 854
คะแนนหรอย: 677
|
นวล...เจ้าพี่เอย.......................... นวล...เจ้าพี่เอย............................... นวล...เจ้าพี่เอย คำน้อง...เอ่ยล้ำคร่ำครวญ ถ้อยคำ...เหมือนจะชวน ใจพี่หวน....ครวญคร่ำอาลัย น้ำตา...อาบแก้ม เพียงแซม...เพชรไสว แวววับ...จับหัวใจ เคล้าแสงไต้....งามจับตา *นวล...แสงเพชร เกล็ดแก้ว...อันล้ำค่า ครา...เมื่อแสงไฟส่องมา....แวววาวชวนชื่นชม........ น้ำตา...แสงไต้ ดื่มใจ...พี่ร้าวระบม ไม่อยาก...พรากขวัญภิรมย์ จำใจข่ม...ใจไปจากนวล นวล...เจ้าพี่เอย.......................... นวล...เจ้าพี่เอย............................... (*) น้ำตาแสงไต้ หมายความว่าอะไร? เป็นเพลงจากเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์"ครับ.. เพลงนี้จะกล่าวถึงฉากหนึ่งในบ้านทรงไทยสมัยอยุธยา ซึ่งไม่มีไฟฟ้า แต่มีแสงไต้(คือคบไฟ ที่คนสมัยก่อนเสียบไว้ตามเสาบ้านเพื่อให้แสงสว่าง) ความจริงเพลงนี้เป็นเพลงนำในละครเวทีเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" ของคณะศิวารมณ์ ซึ่งเล่นกันเมื่ิอปี 2487 เข้าใจว่าเล่นกันที่ศาลาเฉลิมกรุง ที่มาของเพลงนั้นเป็นที่เลื่องลือในความอัศจรรย์ เพราะ ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร์ คนแต่งเพลงซึ่งตอนนั้นเป็นนักเปียโนคอยต่อเพลงให้กับนักแสดงนั้นยังเป็นหนุ่มอยู่มาก ว่ากันว่าปัญหาหนักอกของละครเพลงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนักแสดง หรือ การแสดง แต่อยู่ที่เพลงนำของเรื่องซึ่งมีการลองแต่งมาแล้วแต่ยังไม่ถูกใจ เพราะ เนื้อเรื่องนั้นย้อนยุคกลับไปยังสมัย พระเจ้าเสือ ซึ่งก็นับว่าเป็นอยุธยาช่วงปลายๆแล้วครับ เมื่อท้องเรื่องเป็นแบบนั้นท่วงทำนองก็ต้องเพลงไทยเดิมใช่มั้ยครับ ทีนี้ทางคณะละครเขาก็เลยต้องการให้เสียงออกไปในทำนองโบราณหน่อย ก็มีการยกเอาเขมรไทรโยค กับ ลาวครวญมาตั้งเป็นโจทย์ ว่าผู้กำกับเขาอยากจะได้เพลงในลีลาแบบนี้แต่หวานเศร้าและไม่เชย ครูแจ๋วเล่าเรื่องนี้ไว้ใน "เบื้องหลังเพลงรัก สง่า อารัมภีร์ " ว่า วันนั้นท่านเมากลับมานอนที่เฉลิมกรุง นอนหลับไปได้ไม่นานก็เห็นคน ๔ คน เป็นผู้หญิงหนึ่งและผู้ชายอีกสาม ผู้ชายคนแรกได้เล่นเปียโนเพลง "เขมรไทรโยค" ให้อีกสามคนฟัง พอเล่นจบ ผู้หญิงก็เล่นเปียโนเพลง "ลาวครวญ" บ้าง ต่อจากนั้นชายคนที่สองก็ลงมือเล่นเปียโนด้วยการเอาเพลงทั้งสองมาผสมผสานกัน จนเกิดเป็นเพลงใหม่ที่ไพเราะอย่างยิ่ง ส่วนชายคนที่สามยืนฟังเสียงเพลงด้วยความพอใจ ครูแจ๋วได้ยินเพลงนี้ขึ้นมาก็เลยจำไว้ในหัวทันที... เผลอแพล็บเดียวท่านก็ตื่นขึ้นมา ถึงรู้ว่าฝันไป แต่ทำนองในความฝันนั้นไม่ได้หายแว็บไปด้วย พอบ่ายวันรุ่งขึ้นท่านก็เอาทำนองที่ชาย ๔ คนร่วมประพันธ์ในฝันนั่นแหล่ะครับมาเล่นให้คนในคณะแสดงฟัง ปรากฏว่าเป็นที่ถูกใจอย่างยิ่ง พอเอาเนื้อใส่เสร็จปุ๊ปก็สำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่างและเป็นเพลงอมตะเพลงนี้ทันที เนื่องจากนางเอกของเรื่องชื่อนวล ซึ่งก็คือเมียของพันท้ายนรสิงห์ชื่อคุณนวล เพลงท่อนแรกที่แต่งจากความฝันก็เลยต้องเริ่มต้นด้วยคำว่านวล เขาขึ้นอย่างงี้ครับ เพลงนี้เศร้าแล้วก็ไพเราะมาก เพราะ คุณนวลเธอฝันร้ายก่อน ประมาณว่าไม่เห็นเงาหัวของสามีในฝันหรือไงนี่แหล่ะครับ พอเห็นเธอก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องร้ายกับสามีแน่ แต่บังเอิญเป็นอาญาหลวงที่จะต้องให้พันท้ายไปคัดท้ายให้เรือพระเจ้าเสือ คุณพระเอกของเราขัดคำสั่งของเหนือหัวไม่ได้ ก็ต้องไปตามหน้าที่ และต้องตายตามหน้าที่ให้เกียรติและความศักดิ์สิทธิ์ของกฏระเบียบแห่งวังยังมีอยู่ ความจริงเรื่องมันซับซ้อนกว่านี้ ประมาณว่ามีคนคิดกบถอยู่ นายท้ายอย่างพันท้ายซึ่งเก่งมาก พยายามชะลอเรือไม่ให้ไปตามกำหนดที่เหล่าเพชฌฆาตดักรออยู่ แกก็เลยแถเรือให้หัวเรือชนตลิ่งจนหัวเรือหักเสียอย่างงั้น คือช่วยชีวิตพระเจ้าเสือได้ แต่ตัวต้องรับอาญาฐานทำเรือหัก ขอเสริมอีกสักนิดนะคือก่อนที่ลุงแจ๋วหรือคุณครูสง่า อารัมภีร์ จะเมาแล้วกลับมานอนที่ศาลาเฉลิมกรุงนั้น ท่านได้ดื่มเหล้ากับเพื่อนท่านที่ชื่อว่าคุณลุงทองอินทร์ บุญญเสนา แต่รุ่นน้องมักเรียกท่านว่าน้าผี แต่นามแผงของท่านคือ เวทางค์ ท่านผู้นี้เป็นผู้จุดประกายให้แก่ครูแจ๋ว ที่มาปรึกษาว่า คุณครูมารุต และคุณครูเนรมิต ผู้กำกับละครเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ ซึ่งในครั้งแรกนั้นผู้แสดงเป็นพันท้ายนรสิงห์คือ คุณสุรสิทธ์ สัตยวค์ ต้องการเพลงปิดฉากละครที่เพลงไทยแท้ที่มีท่วงทำนองหวานเย็นและเศร้า ซึ่งคุณทองอินทร์ ว่ามีสองเพลงเท่านั้นที่แกชอบคือ เพลงเขมรไทรโยค และเพลงลาวครวญ ซึ่งนัยว่าครูสง่าคงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้จนเก็บไปฝันว่าคนทั้ง ๔ ได้นำเพลงทั้งสองมารวมกัน และเล่นให้ครูฟัง และนำแต่งเป็นเพลงได้ในวันรุ่งขึ้น...นั่นเองด้วยประการชะนี้แล... หมายเหตุ (ลอกมาจาก View Board - Pause Fanclub) เพิ่มเติมจากหนังสือ "รวมเพลงเอก ของ สง่า อารัมภีร์ " ครูแจ๋ว หรือ สง่า อารัมภีร ได้เขียนไว้เกี่ยวกับเพลงน้ำตาแสงไต้ว่า "ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำว่าวันนั้น ในราวเดือนพฤศจิกายน ๒๕๘๘ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ ๗ ปีแล้ว "ศิวารมณ์" กำลังซ้อมละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์อยู่ที่ห้องเล็กเฉลิมกรุง ดูเหมือนจะเข้าโปรแกรมในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน เราซ้อมกันอย่างหนักทุกวัน เพราะเวลานั้นเป็นสมัยที่เริ่มงานกันใหม่ ๆ หรือจะเรียกว่ากำลังฟิตก็ได้ สมัยนั้นเป็นสมัยที่ทุก ๆ คนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นดารากำลังก้าวขึ้นสู่ความนิยมของประชาชน สุรสิทธิ์, จอก, สมพงษ์ และทุก ๆ คนมาซ้อมตั้งแต่เช้าจนเย็นทุกวัน (ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้เลย เช้าไม่มา เย็นไม่มา ไม่รู้ไปไหนกันแฮะ) เนรมิต มารุต สมัยนั้นเข้าคู่กันคร่ำเครียดกับบทและวางแคแร็คเตอร์ตัวละครกันเป็นการใหญ่ นาฏศิลป์ก็ซ้อมกันไป เต้นกันไป นักร้องก็ร้องกันไป เสียงแซ่ดไปหมดบนห้องเล็กเฉลิมกรุง ตั้งแต่ ๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๓๐ น. ทุกวัน ตอนนั้นข้าพเจ้ามีหน้าที่แต่เพียงดีดเปียนโนสำหรับให้นาฏศิลป์เขาซ้อม และต่อเพลงให้กับนักร้องเท่านั้น ผู้แต่งเพลงให้ศิวารมณ์สมัยนั้นคือ ประกิจ วาทยากร และ โพธิ ชูประดิษฐ์ ข้าพเจ้าเพิ่งเป็นนักดนตรีใหม่ ๆ ยังไม่ถึงปีเลย เพลงก็ยังแต่งกับเขาไม่เป็น และยังไม่เคยคิดเลยว่าจะแต่งกับเขาได้ยังไง ได้แต่ดูเขาแต่งกันเท่านั้น วันหนึ่ง ๆ ก็ได้แต่ดีดเปียนโนจนเมื่อยนิ้วไปหมด เหลือเวลาอีก ๕ วัน ละครก็จะแสดงแล้ว ปรากฏว่าเพลงเอกของเรื่องคือเพลง "น้ำตาแสงไต้" ทำนองยังไม่เสร็จ ทั้งคุณประกิจและคุณโพธิแต่งส่งมาคนละเพลงสองเพลง ก็ยังไม่เป็นที่พอใจแก่เจ้าของเรื่องและผู้กำกับ ทั้งเจ้าของเรื่องและผู้กำกับต้องการจะให้เป็นเพลงที่มีสำเนียงเป็นไทยแท้ มีรสวิญญาณไปในทาง "หวานเย็นและเศร้า" เพลงของคุณประกิจที่ส่งมามีสำเนียงกระเดียดไปทางฝรั่ง ของคุณโพธิก็ไปกลาง ๆ คือครึ่งไทยครึ่งฝรั่ง ล่วงมาอีกหนึ่งวัน ทำนอง "น้ำตาแสงไต้" ก็ยังไม่เสร็จ เจ้าของเรื่องผู้กำกับตลอดจนผู้ร่วมงานต่างก็อึดอัดไปตาม ๆ กัน เย็นนั้นเมื่อเลิกการซ้อมแล้ว ข้าพเจ้าก็พลอยอึดอัดและกลุ้มใจไปกับเขาด้วย ในเมื่อด้านอื่นเขาเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว ยังอยู่เพลง "น้ำตาแสงไต้" เพลงเดียวเท่านั้น และใครก็รับรองไม่ได้ด้วยว่าเมื่อคุณประกิจและคุณโพธิแต่งมาอีกจะเป็นที่พอใจแก่เจ้าของเรื่องและผู้กำกับหรือไม่ เมื่อถึงเวลาภารโรงมาปิดห้องซ้อม ข้าพเจ้าก็ลงมาเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าเฉลิมกรุง ไม่รู้จะไปไหนดีดี มันงงไปหมด" สำหรับเรื่องที่ครูแจ๋วเขียนถึงที่มาของเพลง "น้ำตาแสงไต้" ยังมีต่ออีก ๑๐ กว่าหน้า น่าสนใจมาก ๆ ครับ ครูแจ๋ว หรือ สง่า อารัมภีร์ ละครเวที พันท้ายนรสิงห์ บทพระนิพนธ์ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภานุพันธ์ ยุคล นำแสดงโดย ศรัญญู วงศ์กระจ่าง พิศาล อัครเศรณี และ นาถยาแดงบุหงา
__________________ | ||
Tags |
bankbcool, น้ำตาแสงไต้, พันท้ายนรสิงห์ |
| |