เว็บการ์ตูนหรอยกู

กลับไป   เว็บการ์ตูนหรอยกู > บล็อก > นายโอมเทพไตรกีฬา

Rate this Entry

บทการ์ตูนแอนิเมชั่น เดอะ เพนกวิ้น คิด(The Penguin Kid)

โพสเมื่อ 18-04-2012 เวลา 19:54 โดย ohmohm



ขอเอาบทการ์ตูนแอนิเมชั่นที่เขียนไว้มาลงในบล็อกของตัวเองซะเล็กน้อยนะครับ เขียนมากกันนมนานก็อยากให้คนเข้ามาอ่านกันเยอะเยอะ5555 คอมเม้นด่ากันเยอะเยอะนะครับแต่นี่แหละครับผมเขียนเต็มที่ของผมแล้วละ


[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]

เดอะ เพนกวิ้น คิด(The Penguin Kid)
ตัวละครทั้งหมด
ตัวละครด้านสว่าง
- กวิ้นกวิ้น (เพนกวิ้น)
- ลุงเต่า (เต่า)
- นู๋ต่าย (กระต่าย)
- ฟันนี่ (นก)
- หมีโค๊ก (หมี)
- ช้างน้อย (ช้าง)
ตัวละครด้านมืด
- แม่มดแบ๊ะ (แพะ)
- ลูกสมุนของแม่มดแบ๊ะ แรด งู หมาป่า ลิง (บทน้อยไม่ตั้งชื่อดีกว่า)
ตัวละครประกอบฉาก
- พ่อแม่ของนู๋ต่าย นก หมี ช้าง และสัตว์อื่นๆ(ใช้คล้อยตามสภานะการณ์ในเรื่อง)



แนะนำตัวละครเน้นๆ
กวิ้นกวิ้น (เพนกวิ้น) พระเอกของเรื่อง
เป็นเด็กวัยกำลังน่ารักที่ช่างฝันและช่างจิตนาการตามภาษาของเพนกวิ้น ที่คนเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันน่ารักด้วยบุคลิกภาพที่ดูไม่จริงจัง ตลกและสนุกสนานแต่เมื่อถึงจุดที่ต้องทำอะไรกวิ้นกวิ้นจะมีแรงขับดันสูงกว่าเพื่อนๆตัวอื่น กวิ้นกวิ้นปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกเมื่อเขายังแบเบาะที่ชายหาดบนเกาะปูปิ๊ส(เกาะในการ์ตูนเรื่องนี้) โดยอยู่บนเรือที่มีกวิ้นกวิ้นอยู่เพียงลำพัง พร้อมกับสมุดบันทึกที่เป็นความลับของเรื่อง(สมุดบันทึกเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนที่ขั้วโลกเหนือ รวมถึงวิธีลดโลกร้อน)

ลุงเต่า (เต่า) พ่อบุญธรรมกวิ้นกวิ้น คนที่พบกวิ้นกวิ้นบนเรือ
บุคลิกเป็นคนเงียบและไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก เพราะอายุมากและติดการอ่านหนังสือเป็นที่สุด (ชอบอ่านหนังสือก็เลยเปิดร้านหนังสือ) อายุเกิน 100 ปีไปแล้ว แต่การพูดจาแต่ละครั้งของลุงเต่ากลับเปลี่ยนแนวคิดของคนที่ฟังไปทั้งชีวิตรวมถึงกวิ้นกวิ้นด้วย ลุงเต่าเป็นคนที่พบกวิ้นกวิ้น(พระเอก)ที่ชายหาดและได้รับเลี้ยงเอาไว้เป็นลูกบุญธรรม และเป็นคนแรกบนเกาะที่ได้อ่านสมุดบันทึกเล่มที่มากับกวิ้นกวิ้น

นู๋ต่าย (กระต่าย) คนที่แอบชอบกวิ้นกวิ้นและคอยสนับสนุนมาตลอด
บุคลิกอาจไม่ได้นุ่มนวลมากนักแต่หน้าตาน่ารักเป็นที่สุด(สไตร์นางเอกเกาหลียุคนี้แรงๆแต่น่ารัก) เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนๆอาจจะทำแข็งๆกับกวิ้นกวิ้นบ้างเพราะความอาย แต่เธอนี่แหละที่เป็นคนคอยสนับสนุนและให้คำปรึกษากวิ้นกวิ้น ครอบครัวของเธอทำอาชีพนักแสดงละครเวทีพ่อแม่ของเธอโด่งดังมากบนเกาะ

ฟันนี่ (นก) สาวน้อยวัยพูดมาก
เป็นชื่อล้อเลียน Angry Bird ที่เอาแต่โกรธ แต่ Funny Bird ของเรามีแต่ความสุขไปกับการพูดคุย เป็นสัตว์ที่มีบุคลิกพูดเร็วตอบไวจนเหมือนกับไม่ได้คิดในบางครั้ง เป็นคนที่คอยนำสารจากกวิ้นกวิ้นไปบอกลุงเต่าและเพื่อนๆ เป็นตัวแทนของโทรศัพท์ที่จะบอกกล่าวคำของเราผ่านฟันนี่ไปให้ไปบอกต่อ

ช้างน้อย (ช้าง) เพื่อนชายมือขวาของกวิ้นกวิ้น
ดูแล้วมีมันสมองและน่าเชื่อถือ ดูเป็นผู้ใหญ่กว่ากวิ้นกวิ้นเสียอีก ถึงมีพละกำลังมากแต่ชอบงานที่ต้องใช้สมองมากกว่าซะงั้น แถมยังชอบเล่นน้ำเป็นชีวิตจิตใจ

หมีโค๊ก (หมี) หนุ่มน้อยขี้ตกใจ
ชอบทำตามเพื่อนๆไปเรื่อยๆโชคดีที่มีเพื่อนที่ดี ภายนอกดูน่ากลัวแต่ในใจตกใจอยู่ตลอดเวลา แค่พูดด้วยเค้าก็ตื่นเต้นแล้ว อุปกรณ์เพิ่มกำลังใจตอนตื่นเต้นก็คือ น้ำโคล่า


แม่มดแบ๊ะ (แพะ) ผู้ปกครองเกาะปูปิ๊สด้วยแนวคิดภูตผีปีศาจ
แบ๊ะ มาจากเสียงน้องของแพะ ดูแล้วสงบนิ่งหน้าตาก้มต่ำขอบตาคล้ำ พูดจาในแง่ลบมากกว่าในแง่ดี โดยคำพูดเหมือนหวังดีกับสัตว์บนเกาะปูปิ๊ส เป็นผู้นำทางความเชื่อของเกาะ โดยใช้ความเชื่อเรื่องภูตผีเข้ามาเกี่ยวข้อง สัตว์ต่างๆบนเกาะต้องหาผลไม้ พืชผักต่างๆมาเพื่อบูชาภูตผีปีศาจที่แม่มดแบ๊ะได้กล่าวถึง ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่มีตัวตนอย่างที่กล้าวอ้าง เพราะทุกอย่างเกิดจากสภาวะโลกร้อนซึ่งแม่มดแบ๊ะก็รู้เรื่องนี้ดี


[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]

ธีมหลักของเรื่อง
เรื่องราวของเดอะ แพนกวิ้น คิด เกิดขึ้นที่เกาะปูปิ๊ส เกาะเขตร้อนที่ห่างไกลผู้คน
จนไม่มีมนุษย์คนไหนอยากมาเยือนเกาะแห่งนี้ เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากสัตว์ป่
าที่เห็นได้ทั่วไปตามสวนสัตว์ เพนกวิ้นน้อยชื่อว่ากวิ้นกวิ้น เด็กน้อยที่ถูกลอยมากับ
เรือและมาติดยังชายหาดของเกาะ พร้อมกับสมุดบันทึกแปลกๆที่เขียนไว้เกี่ยวกับ
เรื่องสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นที่ขั้วโลกเหนือและวิธีลดโลกร้อน อ่านแล้วคงไม่มีสัตว์
ตัวไหนเชื่อ แต่ในความโชคร้ายย่อมมีความโชคดีเพราะผู้ที่พบกวิ้นกวิ้นและสมุดบันทึก
เล่มนี้คือ

ลุงเต่า เจ้าของร้านหนังสือบนเกาะผู้ที่เชื่อในศาสตร์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์
มากกว่าทางภูตผีปีศาจ เวลาผ่านไป 5 ปีลุงเต่าเริ่มแก่มากจนเดินแทบไม่ได้
ส่วนกวิ้นกวิ้นและเพื่อนๆร่วมรุ่นก็โตขึ้นพร้อมกับเกาะปูปิ๊สที่เริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
เกาะที่เคยอยู่อย่างสบายกลับร้อนขึ้นจนกินไอติมกลางแดดไม่ได้มันจะละลายก่อน
ฝนตกทั้งวันทั้งคืนเสื้อผ้าที่ตากไว้ไม่เคยแห้ง ลมพายุพัดผ่านด้วยความแรงจนมีสัตว์
ตัวเล็กหลายตัวลอยหายไป สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกลับมาเกิดขึ้นที่นี่สิ่งที่เขียนไว้ในสมุด
บันทึกเริ่มเป็นจริง วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้คือกวิ้นกวิ้นและเพื่อนๆต้องหาทางทำให้
คนทุกคนเชื่อในสมุดบันทึกเล่มนี้ให้ได้

แต่เรื่องนี้คงไม่ง่ายแน่ เพราะแม่มดแบ๊ะ(เสียงร้องของแพะ) แพะแก่เครางาม
ผู้ควบคุมเกาะปูปิ๊สด้วยระบบภูติผีปีศาจคงไม่ยอมให้ใครมาหยุดเขาแน่ เพราะเธอ
ก็เกาะกระแสโลกร้อนโดยให้สัตว์บนเกาะปูปิ๊สคิดว่าเป็นพลังของภูตผีปีศาจ

[/FONT][/FONT]


[/FONT][/FONT]

Total Comments 3

Comments

เก่า
ohmohm's Avatar
.











[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]
Chapter 1
เริ่มถ่ายจากในเมืองของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยตึกแล้วให้กล้องถ่ายผ่านมหาสมุทรมาจนถึงเกาะ(แสดงให้เห็นว่าเกาะนี้อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินมากมาก) จนมาถึงเกาะปูปิ๊สอันสดใสที่มีต้นไม้แสงแดด มีบ้านสัตว์และสัตว์ต่างๆทำมาหากินกัน เมื่อดูแล้วสว่างสดใจเต็มไปด้วยความสุข ตัดเข้ามาที่ชายหาด มีร้านหนังสือของลุงเต่า ลุงเต่ากำลังแนะนำหนังสือวิธีการค้นหาแครอทให้กับแม่กระต่ายตัวหนึ่งเพื่อให้ลูกได้อ่านก่อนโตเป็นกระต่ายเต็มวัย(แม่ของ นู๋ต่าย นางเอกของเรื่องนั้นเอง) พูดไปกับแม่กระต่ายก็พลางมองออกไปที่ชายทะเล มีอะไรบางอย่างลอยมาจากทะเลไกลลิบ สายตาของลุงเต่าเหลือบไปเห็นเรือลำเล็กเล็ก เมื่อเรือมาเกยหาดลุงเต่าเดินเข้าไปดูทำให้พบกับเพนกวิ้นน้อยพร้อมกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีสัตว์เข้ามามุงเพนกวิ้นตัวนั้นเต็มไปหมด และพูดคุยเรื่องที่มาของเพนกวิ้นน้อยตัวนี้กันยกใหญ่ ลุงเต่าตัดสินใจเลี้ยงเพนกวิ้นน้อยเอาไว้ และตั้งชื่อว่า กวิ้นกวิ้น





Chapter 2
กวิ้นกวิ้นวิ่งเล่นกับเพื่อนๆทั้งนู่ต่าย ฟันนี่ ช้างน้อย และหมีโค๊ก และแล้วเวลา 5 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาพที่เด็กตัวเล็กๆเล่นกันริมชายทะเลกลายเป็นเด็กที่โตขึ้น(ภาพร่นระยะเวลาแบบรวดเร็ว) ทันใดมีภาพกลุ่มลิงลูกน้องของแม่มดแบ๊ะมาตัดต้นไม้บริเวณเดียวกับที่กวิ้นกวิ้นและเพื่อนๆเล่นอยู่ ทั้ง 5 คนมองด้วยสายตาตกใจ แต่พวกลิงกลับสนุกสนุนกับการตัดต้นไม้อย่างมาก ลุงเต่าเดินออกมาจากร้านหนังสือพร้อมบอกว่า แม่มดแบ๊ะจะเอาต้นไม้ไปทำประสาทเพื่อบูชาภูตผีแล้วจะเผามันทิ้ง หลังจากนั้นลุงเต่าก็เปิดสมุดบันทึกที่ได้มาจากกวิ้นกวิ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันมี 1 ข้อที่เขียนในนั้นว่าการตัดต้นไม้ทำให้โลกร้อนขึ้น ลุงเต่าหน้าตาดูเครียดขึ้นเด็กๆทักลุงเต่าว่าเป็นอะไรไปแต่ลุงเต่าปฎิเสธว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นเด็กๆก็เล่นกันต่อ แต่กวิ้นกวิ้นเข้าไปในร้านเอาไอติมมาให้เพื่อนๆ ภาพแรดลากไม้เป็นฉากหลังตอนเด็กๆเล่นกัน โดยมีงูเป็นคนคุมกลุ่มแรดให้ขนท่อนไม้ใหญ่ไปตามทางที่ตนบอก กวิ้นกวิ้นเอาไอติม 5 แท่งจากตู้เย็นมาให้เพื่อนๆแต่เดินไม่ทันถึงเพื่อนๆไอติมก็ละลายหมดก่อนแล้ว สร้างความงงงวยให้กับเด็กๆทั้ง 5 คนแต่กลับเป็นเรื่องตลกในกลุ่มเด็กๆ ลุงเต่าแอบมองออกมาจากหน้าต่าง พร้อมพูดว่าเราต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว

[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]
Chapter 3
ลุงเต่าตัดสินใจเล่าเรื่องในสมุดบันทึกนั้นให้กวิ้นกวิ้นฟัง ว่าอันที่จริงแล้วเกาะปูปิ๊สของเราร้อนขึ้นได้อย่างไรมันถูกเขียนไว้ในสมุดบันทึกเล่มนั้น(เกาะปูปิ๊สร้อนขึ้นเพราะการตัดต้นไม้เกือบทั้งเกาะไปสร้างประสาทเพื่อบูชาภูตผี) รวมถึงบอกที่มาของสมุดบันทึกเล่มนี้ด้วยและบอกว่าอย่าพึ่งนำเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนๆ ลุงเต่าและกวิ้นกวิ้นตัดสินใจนำเรื่องที่เขียนในสมุดบันทึกไปบอกแม่มดแบ๊ะ โดยออกเดินลัดเลาะไปตามป่าที่ไม่มีผู้คนเห็นเพราะกลัวว่าจะมีคนสงสัย กลุ่มเพื่อนทั้ง 4 คนของกวิ้นกวิ้นมาหาที่ร้านหนังสือก็ไม่เจอ และแล้วก็ไปถึงดินแดนของแม่มดแบ๊ะ แม่มดนั่งอยู่บนที่นั่งหินสูง ส่วนลุงเต่าและกวิ้นกวิ้นอยู่ที่ลานกว้างด้านล่างพร้อมทั้งลูกสมุนของแม่มดเต็มลาน แล้วได้อธิบายให้แม่มดฟัง(อธิบายวิธีทางวิทยาศาสตร์ว่าทำไมโลกถึงร้อนขึ้น มนุษย์เค้าศึกษาแล้วและในสมุดบันทึกเล่มนี้เขียนไว้แล้ว)พร้อมทั้งกล่าวทิ้งท้ายว่าการตัดต้นไม้มาสร้างประสาททำให้เกาะร้อนขึ้น สัตว์ทั้งหลายที่ฟังอยู่และลูกสมุนของแม่มดต่างเชื่อกับคำอธิบายนั้นทั้งสิ้น แต่แม่มดแบ๊ะบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี ทำให้ทุกคนที่อยู่ในลานนั้นกลับมาเห็นด้วยกับแม่มดแบ๊ะ แม่มดเริ่มสงสัยว่าจะมีกบฎและความลับของตัวเองจะแตก

[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]
Chapter 5
กวิ้นกวิ้นออกวิ่งเต็มแรงไปตามบ้านของเพื่อนๆแต่ละคน แล้วชวนกันออกไปที่สวนสาธารณะของเกาะปูปิ๊ส ตอนนี้กวิ้นกวิ้นกำลังเล่าทุกสิ่งที่มีในหนังสือให้เพื่อนๆฟัง(เน้นไปที่วิธีแก้ไขโลกร้อน โดยต้องให้แม่มดแบ๊ะหยุดตัดต้นไม้) ทุกคนตื่นเต้นกับความจริงนี้ นู๋ต่ายให้กำลังใจกวิ้นกวิ้นและแนะนำให้ทุกคนไปบอกกับพ่อแม่ ฟันนี่พูดไร้สาระเช่นเคยและเร็วจนไม่รู้เรื่อง ช้างน้อยแสนฉลาดครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความจริงแน่นอน และจะเอาไปบอกพ่อกับแม่ด้วย ส่วนหมีโค๊กได้แต่ทำตาโตเพราะอึ้งจนพูดไม่ออกพร้อมกับหยิบน้ำโคล่าขึ้นมาดื่ม ก่อนพูดสั้นๆว่า เอาด้วย ภาพเด็กเด็กๆคุยกับคุณพ่อคุณแม่ พ่อแม่นำเรื่องไปบอกคนอื่นต่อต่อกันไปเป็นภาพความเร็วสูง เกิดกระแสปากต่อปาก จนไปเข้าหูแม่มดแบ๊ะ หลังจากนั้นก็ได้สั่งให้ลูกน้องไปจัดการกับเรื่องนี้
[/FONT][/FONT]


Chapter 4

วันต่อมาในช่วงกลางวันร้านค้าต่างๆเปิดตามปกติ เด็กๆออกมาเล่นกันเจี๊ยวจ้าว แต่มันเกิดเหตุการณ์ลมแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน พัดเข้ามาที่เกาะปูปิ๊ส เด็กๆรีบวิ่งเข้าบ้านรวมถึงกวิ้นกวิ้น ไม่มีใครกล้าออกมาจากบ้านรวมถึงพวกเด็กๆ มีแต่เสียงร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวของเด็กทั่วไปทั้งเกาะ ลุงเต่าลอยไปชนต้นไม้เพราะวิ่งหนีกระแสลมไม่ทันก่อนจะหลบเข้ามาในร้านได้ทันเวลา มีสัตว์บางตัวลอยผ่านหน้าต่างร้านหนังสือไปลุงเต่าเห็นอย่างนั้น ต้นไม้จากที่น้อยอยู่แล้วก็หักโค่นอีกเป็นจำนวนมาก กวิ้นกวิ้นได้แต่ร้องไห้อยู่ที่มุมร้าน แล้วภาพในจิตนาการของกวิ้นกวิ้นก็ปรากฎขึ้น เค้าเคยเจอเรื่องแบบนี้แล้วเมื่อตอนที่เขายังแบเบาะ กระแสลม ความร้อน ฝนตกหนัก เมืองที่มีแต่น้ำแข็งที่คุ้นเคย ครอบครัวของเขาจึงต้องส่งมาอยู่ที่นี่เพื่อหนีสิ่งเหล่านั้นยังไงล่ะ นั้นคงเคยเป็นบ้านที่เคยอยู่ ดินแดนน้ำแข็งไกลโพ้นที่ลุงเต่าเคยพูดถึง มันเหมือนกับฝันร้ายครั้งที่ 2 หลังจากลมแรงครั้งนั้นจบลงกวิ้นกวิ้นเริ่มอ่านสมุดบันทึกเล่มนั้นตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย (อธิบายแบบสั้นๆให้คนดูเข้าใจด้วยว่ามีอะไรบ้างที่เป็นผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน) จนถึงกลางคืนกวิ้นกวิ้นหลับบนเตียงพร้อมกับสมุดบันทึก ลุงเต่าหยิบสมุดไปและห่มผ้าให้
[/FONT][/FONT]


[/FONT][/FONT]
permalink
โพสเมื่อ 18-04-2012 เวลา 19:55 โดย ohmohm ohmohm is offline
เก่า
ohmohm's Avatar
.









[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]
Chapter 6
กวิ้นกวิ้นนั่งอ่านหนังสือวิธีใช้ชีวิตของเพนกวิ้น เขารู้มานานแล้วว่าเขาไม่ใช่สัตว์ที่นี่และไม่ใช่ญาติของลุงเต่า เพราะเค้าอ่านหนังสือเล่มนี้มาหลายรอบ(ดูจากหนังสือยับมากและมีการจดบันทึกข้างใน) ตอนนี้ฝนตกหนักมา 3 วัน 3 คืนแล้ว เรื่องที่สมุดบันทึกเขียนไว้ตรงทุกอย่างกวิ้นกวิ้นคิด ถ้าฝนตกแบบนี้คงไม่มีใครเข้าร้านหนังสือของลุงเต่าแน่ แต่แล้วก็มีลูกค้าเข้าร้านมากันเยอะกว่า 10 ชีวิต กวิ้นกวิ้นรีบวิ่งไปต้อนรับที่หน้าร้าน สิ่งที่เห็นกลับเป็นกลุ่มของแรด หมาป่า งู และลิง ลูกสมุนของแม่มดแบ๊ะ โดยถือร่มกันฝนและบังหน้าตัวเองจนมิด(เพื่อไม่ให้ใครเห็น)เสียงฟ้าร้อง ฝนตก ทำให้กลบเสียงที่พวกนั้นทำลายร้าน ร้านหนังสือของลุงเต่าถูกแรด หมาป่า ลิง ลูกสมุนของแม่มดแบ๊ะเข้าไปทำลาย กวิ้นกวิ้นพยายามห้ามพวกนั้น ลุงเต่าก็รีบวิ่งมาจับแขนจับขาพวกนั้นไว้แต่คงไม่มีใครต้านทานแรงของสัตว์ใหญ่พวกนั้นได้ สุดท้ายแทบไม่เหลือหนังสือให้อ่านได้เลยซักเล่มในร้าน บ้านมีทั้งรูโหว่และบาดแผลที่ไม่น่าจะมี เช้าวันรุ่นขึ้นเด็กๆเพื่อนของกวิ้นกวิ้นเข้ามาให้กำลังใจทั้งลุงเต่าและกวิ้นกวิ้น รวมถึงชาวบ้านแถวนั้นก็มากันด้วย ทั้ง2 คนตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับใครแต่กลับบอกว่าเกิดจากฟ้าฝ่าตอนฝนตกหนัก


[/FONT][/FONT]
[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]
Chapter 7
อากาศบนเกาะปูปิ๊สร้อนขึ้นทุกวัน การออกนอกบ้านตอนกลางวันกลายเป็นเรื่องผิดปกติไปแล้ว แต่วันนี้กวิ้นกวิ้นกำลังเดินไปหานู๋ต่ายผ่านอุณภูมิร้อนระอุเหงื่อแตกจนเหมือนจะเป็นลม เหมือนกับต้องใช้กำลังมากกว่าเดิมหลายเท่าจากการเดินแค่ก้าวเดียว เพื่อคุยว่าจะช่วยลุงเต่าและเกาะแห่งปูปิ๊สอย่างไรดีเพราะตั้งแต่วันนั้น ลุงเต่าก็กลายเป็นคนเศร้าลุงเต่าไม่สนใจใคร เอาแต่โรยเมล็ดของต้นไม้ลงในกระถางหลายร้อยต้นหลายพันต้น ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่คุยกับใคร ระหว่างทางที่เดินไปบ้านนู๋ต่ายก็เห็นป้ายประกาศพิธีบูชาภูตผีโดยจะเริ่มเผาปราสาทเพื่อบูชาภูตผีในอีก 2 วัน โดยจะเริ่มเวลา 12.00 น. ยิ่งทำให้กวิ้นกวิ้นต้องรีบมากกว่านี้เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว หลังจากถึงบ้านนู๋ต่ายก็พบว่าเพื่อนๆทั้งหมดอยู่ที่นั้นและกำลังคุยกันเรื่องกวิ้นกวิ้นและลุงเต่าอยู่พอดี โดยมีคุณแม่ของนู๋ต่ายที่ใช้บริการร้านหนังสือของลุงเต่าบ่อยๆเข้ามาบริการน้ำและของกิน คุยกัน 1-2 ชั่วโมงสุดท้ายการคุยกันเหมือนทำให้พบทางตันในการช่วยเหลือเกาะปูปิ๊สแลและช่วยลุงเต่า กวิ้นกวิ้นวิ่งกลับร้านหนังสือไปด้วยความเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ ตัดมาที่แม่มดทุกฝ่ายกำลังเตรียมงานขะมักเขม้นประสาทไม้ถูกสร้างเสร็จแล้ว ความสูงเท่าช้าง 50 ตัวต่อกัน และมีฝืนอยู่รอบรอบเพื่อเผาประสาทบูชาภูตผี มีคนนำผักและผลไม้มาให้กับแรงงานของแม่มดแบ๊ะมากมายเพราะเชื่อว่า การทำพิธีบูชาภูตผีทำให้เกาะของพวกเค้ารอดพ้นภัยทั้งปวง แม่มดแบ๊ะยืนยิ้มและดูสมุนของตัวเองทำงานด้วยความดีใจ แล้วแอบหยิบผลไม้ที่ชาวบ้านนำมาให้ แต่คายทิ้งเพราะไม่อร่อย(แสดงถึงความชั่วเล็กๆ)


Chapter 8

ตอนเช้าแล้วกวิ้นกวิ้นนอนอยู่บนเตียงและมันเป็นวันที่จะมีพิธีบูชาภูตผีอากาศร้อนมากและร้อนขึ้นกว่าเมื่อวานเหงื่อของกวิ้นกวิ้นเต็มตัวซึ่งเป็นสาเหตุทำให้กวิ้นกวิ้นตื่น กวิ้นกวิ้นเดินรอบบ้านแต่หาลุงเต่าไม่เจอ กวิ้นกวิ้นเดินอย่างเศร้าๆเข้าไปบริเวณที่ลุงเต่าได้ปลูกต้นไม้ไว้เยอะเยาะ ลุงเต่าก็ไม่อยู่ที่นั้นเช่นกัน แต่มีความรู้สึกบางอย่างก็เข้ามา กวิ้นกวิ้นรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่าง มันเย็นและสบายกว่าทุกแห่งบนเกาะนี้ ใช่แล้วมันคือไอเย็นจากต้นไม้สิ่งที่เราเคยสัมผัสเมื่อวัยเด็ก ภาพตอนเล่นกับเพื่อนๆเมื่อตอนเด็กๆเข้ามาในหัว ต้นไม้ช่วยให้เรามีความสุขร่มเงา ความเย็น (ภาพย้อนอดีต) พร้อมเข้าใจว่าทำไมลุงเต่าถึงเริ่มปลูกต้นไม้ต้นเล็กๆ พวกนี้ เขาคิดในใจว่า เราอาจจะถูกส่งที่นี้มาเพื่อหนี แต่เราจะสู้เพื่อที่นี่เพื่อเกาะแห่งนี้(ฉากเท่ๆ) เราต้องเอาต้นไม้พวกนี้ไปปลูกให้รอบเกาะไปปลูกในที่ที่มีน้ำและบรรยกาศสมบูรณ์กว่านี้ มันต้องโตเร็วและทันก่อนเวลาเผาประสาทนั้นแน่แน่
[/FONT][/FONT]
permalink
โพสเมื่อ 18-04-2012 เวลา 19:56 โดย ohmohm ohmohm is offline
เก่า
ohmohm's Avatar
.








[FONT=Times New Roman][FONT=verdana]
Chapter 9
อีก 1 ชั่วโมงจะถึงพิธีการบูชาภูตผีแล้ว กวิ้นกวิ้นอธิบายเพื่อนๆว่าทำไมเราต้องปลูกต้นไม้ก่อนที่แม่มดแบ๊ะจะเผา ประสาทไม้(อธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ ก๊าซคาร์บอนจากการเผาไม้ทำให้เกิดช่องโหว่ของบรรยากาศและทำให้เกาะของเรา ร้อนขึ้นอีก และเราจะต้องตายกันหมด) ช้างน้อยแสดงให้นำต้นไม้ไปปลูกบริเวณที่มีน้ำจะทำให้มันโตไวกว่ามาก นู๋ต่ายเสริม ใช่แล้วริมแม่น้ำไง ที่นั้นดินคงดีมากมากเลยด้วย แต่พวกเขาจะขนต้นไม้เป็นพันต้นแบบนี้ไปปลูกไว้ริมแม่น้ำได้อย่างไร ทันใดนั้นก็มีรถบรรทุกคันใหญ่ขับมาจอดข้างข้างเด็กๆทั้ง 5 พวกเขาตกใจ และคนที่ลงมาก็คือลุงเต่านั้นเอง ลุงเต่าลงมาแล้วพูดว่า พร้อมจะลุยกันรึยังเด็กๆ เด็กๆช่วยกันขนต้นไม้หลายพันต้นขึ้นรถบรรทุกด้วยความตื่นเต้น แม่มดแบ๊ะดูนาฬิกาทราย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทำพิธีแต่ใกล้แล้ว ตอนนี้สัตว์ทั้งเกาะต่างอยู่ที่ลานพิธีบูชานี้แล้วแทบไม่มีใครเหลืออยู่ใน เมืองเลย แม่มดเริ่มพูดกับคนที่มาดูพิธีเพื่อสร้างความขลังให้กับพิธี ในที่สุดลุงเต่า กวิ้นกวิ้นและเพื่อนๆก็เริ่มปลูกต้นไม้ริมแม่น้ำ ต้มไม้โตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

Chapter 10
ท้อง ฟ้าเต็มไปด้วยสีแดงและอาการร้อนยิ่งกว่าร้อนทุกคนกำลังจะตายด้วยความร้อน ต้นไม้โตอย่างรวดเร็ว ต้นแล้วต้นเล่าที่ปลูกมันโตเร็วจนทุกคนที่เห็นต้องตกใจ ตอนนี้เวลา 12.00 แล้วพิธีเผาปราสาทไม้บูชาพระเจ้ากำลังจะเริ่มคบเพลิงกำลังไปจ่อที่ข้าง ประสาทไม้ ตอนนี้หน้าแม่มดแบ๊ะยิ้มกริ่ม ทันใดนั้นมีแสงสีน้ำเงินจากต้นไม้(ที่พวกเด็กๆปลูก)ส่องขึ้นไปบนฟ้าหลายพัน เส้นเป็นลำแสงสวยงามจนทุกคนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองรวมถึงคนที่ปราสาทด้วย ต้นไม้ที่แทบจะไม่เหลือแล้วบนเกาะกลับเขียวขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนสัมผัสได้ถึงไอเย็นจากต้นไม้ ภาพของเกาะปูปิ๊สสมัยยังมีต้นไม้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของชาวเมืองนี้ทั้งหมด กลุ่มของลุงเต่า และเพื่อนๆยืนมองด้วยรอยยิ้มแต่กวิ้นกวิ้นหายไป ปราสาทไม้ที่จะถูกเผาไม่ถูกเผาเพราะลูกสมุนของแม่มดแบ๊ะก็รู้สึกถึงอดีตอัน ร่มเย็นน่าอยู่ของเกาะนี้ได้เช่นกัน คุณม้าตำรวจวิ่งเข้าไปจับแม่มดแบ๊ะใส่กุญแจมือ กวิ้นกวิ้นเดินเข้ามาบริเวณลานพิธีและพูดถึงสภาวะโลกร้อนให้สัตว์ทั้งหลาย ได้เข้าใจเหตุผลของมันและวิธีหยุดโลกร้อน ลุงเต่าและเพื่อนๆตามมาทันฟังกวิ้นกวิ้นพูดเดินแทรกตัวมาแถวหน้า ทุกคนถึงกับยิ้มน้ำตาซึมที่ในที่สุดก็ทำสำเร็จจนได้ ท้องฟ้าบนเกาะสดใสเหมือนอดีตที่เคยมีความสุข ร้านหนังสือถูกสร้างขึ้นมาใหม่ซึ่งใหญ่กว่าเดิม กวิ้นกวิ้นนั่งเขียนอะไรบางอย่าง อยู่ใต้ต้นไม้หน้าร้าน เขาเขียนบันทึกลงในสมุดบันทึกเล่มนั้นเพิ่มเติมลงไปหัวข้อ ?ปฏิหารต้นไม้ลดโลกร้อน?

หรือจะจบแบบ Dark เพื่อมีภาคต่อ
กล้อง มุมสูงถ่ายเห็นเกาะวิ่งผ่านทะเลไปอย่างรวดเร็วเข้าไปในเมืองที่มีตึกมีรถมี เสียงดังมีมลพิษ เข้าไปในสวนสัตว์มีเพนกวิ้น 2 ตัวถูกเลี้ยงอยู่ที่นั้น(และนั้นคือพ่อแม่ของกวิ้นกวิ้น)
หรือจะจบแบบ FeelGood
ก็ให้กวิ้นกวิ้นเดินทางกลับไปขั้วโลกเหนือเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนที่นั้นและตามหาครอบครัวเค้าด้วย
[/FONT][/FONT]
permalink
โพสเมื่อ 18-04-2012 เวลา 19:56 โดย ohmohm ohmohm is offline
 



ออกจากระบบ | RoiGOo เว็บการ์ตูนหรอยกู | เอกสาร | ไปบนสุด

vBulletin รุ่น 3.8.7
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด